จูบ..บทแรกของสุขสุดยอด
ภาษากายของชายหญิง
ที่บ่งบอกความสัมพันธ์
ว่ายังร้อนเร่าอยู่หรือไม่
ก า ร จู บ เ ป็ น ภ า ษ า ก า ย ที่เป็นสากลไปแล้ว และบทพิศวาสก็มักจะเริ่มต้นด้วยการจูบ
ขณะเดียวกันผู้ที่มีศิลปะในการจูบ ย่อมสมหวังในการร่วมรักบ่อยๆ มันเป็นขั้นตอนการเล้าโลมอย่างหนึ่ง
ที่เร้าความรู้สึกได้ดีที่สุด
คนหลายคู่พลาดโอกาสได้ลิ้มรสจูบก่อนการแต่งงาน เพราะการจูบของคนที่ยังไม่ได้แต่งงานนั้น จะดูดดื่มกว่าคู่ที่ลงเอยกันแล้ว
และสำหรับคนที่แต่งงานแล้ว ก็อดไม่ได้ที่จะหวนคิดถึงจูบแรก โดยเฉพาะถ้าคนๆ นั้นเป็นผู้หญิง อาจจะไม่มีใครเชื่อว่า
จูบเพียงจูบเดียว บางทีอาจดึงคนคู่หนึ่งให้ใช้ชีวิตทั้งหมดร่วมกัน เพราะจูบมีความหมายมากกว่าบทเริ่มต้นของการมีเซ็กส์
ถ้าดูความหมายในพจนานุกรม จะพบว่า การจูบคือการสัมผัสด้วยการใช้ปากและสัมผัสด้วยความรัก แต่ถ้าถามจากประสบการณ์
จะพบว่า นอกจากให้ความรู้สึกที่ดี เป็นฉากเริ่มของการมีเซ็กส์แล้ว การจูบยังบอกความนัยที่ซ่อนไว้ในใจ
โดยไม่ต้องบอกกล่าวเป็นคำพูด ว่าคนคู่นั้นมีความจริงใจกัน หรือเพียงแต่บอกว่ารักด้วยลมปากเท่านั้น
สำหรับผู้ที่มีประสบการณ์ครั้งแรก จะรู้สึกเลยว่านอกจากการกอดรัดเคล้าคลึง จูบยังเป็นองค์ประกอบอีกอย่าง ที่นำไปสู่การมีเซ็กส์
โดยไม่ต้องตั้งใจไว้ก่อน แต่สำหรับคนที่แต่งงานแล้ว การจูบอาจเกิดขึ้นน้อยลง หรือจะจูบก็เพียงเฉียดๆ ผ่านๆ
ไม่ดื่มด่ำล้ำลึกเหมือนตอนที่ยังเป็นแฟนกัน
สำหรับคนที่แต่งงานแล้ว การจูบมักหมายถึงบทเริ่มของการเมคเลิฟ ไม่ใช่การแสดงความรัก เหมือนที่สาวคนหนึ่งเคยสารภาพว่า
"บทรักของฉันมักเริ่มต้นด้วยการจูบที่ยืดยาว และตามมาด้วยการสัมผัสตามร่างกาย
ก่อนที่จะลงเอยด้วยการเมคเลิฟ"
การจูบที่มีความหมายว่าแสดงความรัก...สำหรับคนที่แต่งงานแล้วมักสิ้นสุดลง ในขณะที่การจูบอาจแสดงว่าเป็นการทักทาย
การสวัสดี การบอกลา การแสดงความคิดถึง หรือบางทีอาจหมายถึงการแสดงให้รู้ว่า ใครคนนั้นเป็นคนพิเศษ
จูบจากผู้หญิง อาจแสดงให้คุณเห็นว่าคุณเป็นคนพิเศษสำหรับเธอ ถ้าจูบนั้นมาจากภรรยา ก็อาจหมายถึงเธอคิดถึงคุณ
ในขณะที่มันอาจมีความหมายว่า เธอต้องการจะร่วมรักกับคุณ การจูบเป็นการสัมผัสที่ให้รสชาติความใกล้ชิด
ไม่ว่าเธอต้องการจะร่วมรักกับคุณในขณะนั้นหรือไม่ แต่มันก็บอกได้ถึงความรู้สึกที่แนบแน่นระหว่างคุณกับเธอ
การจูบอาจไม่มีความรู้สึกของเซ็กส์เจือปน...ทั้งนี้แล้วแต่การแสดงออกของคน 2 คนที่คุ้นเคยกันดี
ว่าอย่างไหนที่เป็นการเชิญชวนให้แสดงบทรัก หรืออย่างไหนเป็นแค่การแสดงว่าคุณเป็นคนพิเศษ
ผู้หญิงบางคนปฏิบัติต่อสามีจนเป็นเรื่องธรรมดา เขาไม่รู้สึกว่าการที่เธอจูบเขา คือการชวนไปร่วมรัก
แต่จะรู้สึกว่าเธอแสดงความใกล้ชิดสนิทสนม และแสดงความรักที่มีต่อเขาให้เขารู้
คนที่แต่งงานแล้ว การจูบอาจเป็นการวัดอุณภูมิความรักความเสน่ห์หาระหว่างคุณกับเธอ ว่ายังสวีทกันดีหรืออย่างไร
ผู้หญิงบางคนจูบต้อนรับสามีตอนกลับมาถึงบ้านตอนเย็นทุกวัน จูบลาเมื่อเขาออกจากบ้าน
หรือจูบเพื่อฝากความปรารถนาดีไปพร้อมกับการเดินทางไปต่างจังหวัดหรือต่างประเทศของเขา
และถ้าหากเธอเลิกปฏิบัติทุกอย่างที่เคยทำ คุณก็จะรู้เองว่าระหว่างคุณทั้ง 2 คน มีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้นแล้ว
แม้ว่าการแต่งงานของคุณจะยืดยาวมานานถึง 15 หรือ 20 ปี ก็ตาม อย่างนี้จะไม่ให้ความสำคัญกับการจูบได้ออย่างไร
การเปลี่ยนแปลงวิธีการจูบ ก็เป็นอีกอย่างหนึ่งที่คนช่างสังเกตุจะรู้ ว่าเกิดอะไรขึ้นกับความสัมพันธ์ของพวกคุณ
ผู้หญิงบางคนไม่เคยจูบชายผู้เป็นที่รักในโอกาสใดเลย นอกจากเมื่ออยู่บนเตียง หรือเมื่อต้องการแสดงความรักและความขอบคุณ
แต่ผู้ชายบางคนก็อาจเรียกร้องให้ภรรยาทำ เพื่อเป็นการแสดงว่าเธอรักเขา
บางจูบเป็นจูบเพื่อการสังคมของฝรั่งหรือคนชาติตะวันตก บ่อยครั้งที่เราเห็นว่า นายกรัฐมนตรีประเทศเรา
ต้องเอาแก้มไปแนบกับแก้มของผู้นำประเทศต่างๆ ในวาระที่พบกัน ถือว่าเป็นการทักทาย
การจูบแบบนี้ถือเป็นมารยาททางสังคมอย่างหนึ่ง แต่ถ้าคนที่สนิทสนมแม้ไม่ต้องเป็นคู่แต่งงาน อาจมีการสวมกอดกันอย่างแนบแน่น
หรือมีจูบซ้ายทีขวาทีเป็นการแสดงความรักอย่างลึกซี้ง ในหมู่ญาติก็ถือเป็นการจูบเพื่อสังคมด้วยเหมือนกัน
ผู้หญิงบางคนไม่อยากเอ่ยปากออกมาตรงๆ ว่าเธอต้องการเขามากเพียงใด เธอจะใช้การจูบเป็นการสื่อบอกความในใจนั้น
และมันเป็นสัญญาณที่รู้กันเฉพาะคนคู่เดียว คุณจะรู้ได้ว่าการจูบของคุณทรงอานุภาพมากแค่ไหน ก็ด้วยการสังเกตุจากภรรยา
แต่เมื่อแต่งงานกันแล้ว ผู้หญิงบางคนสารภาพว่าเพียงจูบเดียวของสามี
ก็ทำให้น้ำหล่อลื่นของเธอไหลออกมาด้วยแรงปรารถนาที่เขาเป็นผู้ปลุกเร้า
ข้อควรระวังสำหรับการจูบ คือ ผลที่เกิดความใกล้ชิด ทำให้กลิ่นต่างๆ ที่ไม่พึงปรารถนาระเหยออกมา
ส่วนใหญ่มักเป็นกลิ่นอาหารที่ร้อนแรงต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นกระเทียม ปลาเค็ม หรือเครื่องเทศอื่นๆ ที่ไม่มีใครรู้สึกอยากพิศวาส
ลมหายใจที่เหม็นบุหรี่หรือเหล้าก็เป็นอีกอย่างที่ต้องระวัง ยิ่งถ้าเป็นคู่แต่งงานแล้วยิ่งมองข้ามไม่ได้เลย
เพราะมันหมายถึงความเคยชินที่ลืมระมัดระวังกันไปแล้ว
สำหรับผู้ชายที่มีนัดแรก อย่าลืมมองข้ามความพอถีพิถันในเรื่องนี้เป็นอันขาด
ว่ากันว่าชีวิตหลังแต่งงานเป็นเรื่องเอือมระอาของคู่บางคู่ที่ละเลยความสะอาด
หรือบางคู่ไม่ให้ความสำคัญกับการจูบอีกต่อไป ทั้งๆ ที่มันเป็นการสื่อสารระหว่างกันที่มีประสิทธิภาพมากมาย
บางคนจำไม่ได้ว่าจูบแรกมีรสชาติอย่างไร
เพราะความเคยชินนานปีที่อยู่ร่วมกันบดบังความรู้สึกเหล่านั้นไปหมด
แต่เชื่อหรือไม่ว่า ผู้หญิงส่วนใหญ่มักไม่ลืมจูบแรกที่เธอได้รับ ดังคำสารภาพต่อไปนี้
ถึงรสจูบครั้งแรกกับครั้งล่าสุด
ครั้งแรก...
เรานั่งมองตากันในงานเลี้ยงระหว่างเพื่อนฝูง เมื่อมีคนถามเขาว่าทำไมไม่จูบฉัน เขาก็จูบ และคืนนั้นเราจูบกันอีกนับไม่ถ้วน
จูบแรกของเรากินเวลานานมาก เป็นชั่วโมงเลย
จูบแรกของฉันเกิดขึ้นที่รถแท็กซี่ มันซาบซึ้งมาก แต่เขาแต่งงานแล้วตอนนั้น
ระหว่างอาหารค่ำที่เขานัดเดทแรกกับฉัน ก็แค่โน้มตัวลงมาจูบแก้ม ฉันหลับตา เขาเลยจูบที่ปากต่อ
ครั้งล่าสุด...
เมื่อคืนนี้ เราจูบกันหลังจากการกลับมาจากดูคอนเสิร์ท แค่ปากชนปากไม่ได้ใช้ลิ้น
เมื่อเช้าประมาณตรึ่งนาที เป็นการจูบส่งฉันไปทำงาน
ในครัวเมื่อ 2 วันก่อน แต่ฉันกินกระเทียม เขาเหม็น เราก็เลยไม่ได้ต่อที่ห้องนอน ได้แต่กลับไปทำอาหารให้เสร็จ
สิ่งเหล่านี้คือความแตกต่างของการจูบ ระหว่างคนที่แต่งงานแล้ว และคนที่มีนัดกันในระยะที่ความรักเริ่มก่อตัว
ความซาบซึ้งในการจูบหายไป กลายเป็นภาษากายที่บอกความในใจหลายหลากมากความหมาย
โดยเฉลี่ยผู้ชายอเมริกันจูบภรรยาวันละ 5.76 ครั้ง...ในขณะที่ผู้หญิงร้อยละ 68.8 หลับตาพริ้มเมื่อถูกจูบ อย่างไรก็ตาม
การจูบยังคงเป็นสิ่งซับซ้อนมากพอๆ กับความรู้สึกที่สะท้อนออกมาภายในจิตใจ
การหลับนอนบนเตียงเดียวกับใครบางคนนานถึง 10-20 ปี สร้างความเคยชินจนแม้บางคู่หันหลังให้กันโดยไม่ได้โกรธกัน
แต่เป็นเพราะความที่ไม่มีสิ่งแปลกใหม่มากพอที่จะทำให้คนคู่นั้นหันหน้ามาคุยกัน ทำสิ่งไร้สาระร่วมกัน และเล่าเรื่องขบขันร่วมกัน
ความปรารถนาในตัวกันและกัน...จะลดลงภายหลังการแต่งงานผ่านช่วงปีแรกๆ ไป
อาหารมื่อค่ำเพียงกับข้าวสำเร็จจากถุงพลาสติกปากซอย ไม่ใช่มื้อพิเศษใต้แสงเทียนเหมือนเมื่อนักแรกอีกต่อไป
ไม่มีการจูบที่ไม่เบื่อหน่าย จูบที่หลั่งไหลออกมาจากความปรารถนาภายใน นานเข้าเซ็กส์ของคุณทั้งคู่ ก็กลายเป็นสิ่งจืดชีด
ถึงกับต้องเสียเงินไปปรึกษาผู้เชี่ยวชาญทางด้านปัญหาครอบครัว
ลองคิดย้อนไปว่า อะไรที่ทำให้ใจของคุณเต้นแรง อะไรที่ทำให้คุณรู้สึกหวิวๆ ซ่าไปทั่วกาย
ถ้าไม่ใช่การจูบจากคนที่คุณรักหรือคนที่รักคุณ การพอใจในชีวิตเซ็กส์ อาจหมายถึงการแสวงหาร่วมกัน สำรวจร่วมกัน
และตื่นตัวอยู่เสมอ
การจูบเป็นสิ่งสำคัญที่ยังแสดงว่า...คุณทั้ง 2 คนยังรักและต้องการกันและกันเสมอ เป็นการสัมผัสที่ใช้ได้ทั้งปาก ทั้งลิ้น จมูก แก้ม
เป็นการสร้างบรรยากาศแห่งความรื่นรมย์
ถ้าเป็นการจูบกันหลังแต่งงานหลายขวบปี ซึ่งคุณเติมพลังให้มันด้วยการหลีกหนีภาระประจำวัน ออกไปพักผ่อนในสถานที่ที่คุณพอใจ
คุณจะประหลาดใจทีเดียวว่า รสจูบของคุณและภรรยาที่คุณว่างั้นๆ กลับมีรสชาติขึ้นทันที เพราะจูบคือสะพานสู่ให้เห้นถึงความรัก
ความอาทรต่อกันอย่างลึกซี้ง รวมไปถึงการต้องการการร่วมรักอย่างเป็นธรรมชาติด้วยความปรารถนาแท้ๆ ไม่มีสิ่งแอบแฝง
แถมยังเป็นการเตือนให้คุณทั้งสองรู้สึกว่าคุณยังรักกัน มันคงเกิดขึ้นในบทเริ่มต้นของการร่วมรัก และกลายเป็นเสียงสะท้อนจากใจว่า
คุณยังคงต้องการกันและกันไม่เปลี่ยนแปร
จูบที่เร่าร้อนที่สุดที่คุณเคยมี... ยังจำได้ไหมว่ามันเป็นอย่างไร จำไว้ว่าผู้หญิงจะจดจำผู้ชายที่จูบจนเธอหวาบหวิวไม่รู้ลืม
เทคนิคในการจูบเป็นเรื่องของการฝึกเฉพาะของใครของมัน แต่สิ่งที่สำคัญคือการให้เวลาเพื่อดูและสังเกตุความรู้สึกของเธอ
ว่าพอใจในรสจูบของคุณแค่ไหน
ถ้าคิดว่าชีวิตแต่งงานของคุณคลายรสหวานลง ลองรื้อฟื้นกับเธอด้วยการจูบหน่อยเป็นไง
Tuesday, July 8, 2008
คัมภีร์การจูบ
Subscribe to:
Post Comments (Atom)
No comments:
Post a Comment