Thursday, December 17, 2009

อวัยวะเพศชายแบบไหนที่สาวๆชอบเล่นกัน



อวบสั้นแน่นอน เป็นคำตอบสุดท้ายที่ไม่ต้องถกเถียงกันอีกต่อไป จริงอยู่เทคนิคของการร่วมรักนั้นเป็นส่วนสำคัญที่สุดที่จะทำให้ผู้หญิงไปถึงดวงดาวได้ง่าย โดยเฉพาะช่วงของการเล้าโลมที่เรียกว่า foreplay นั้น การทำออรัลเซ็กซ์ที่ถูกหลักและน่าตื่นเต้น สามารถทำให้ผู้หญิงไปถึงไคลแม็กซ์ได้โดยไม่ต้องสอดใส่เลย


และเมื่อถึงเวลาสอดใส่ผู้หญิงก็จะสามารถที่จะถึงจุดสุดยอดได้ซ้ำแล้ว ซ้ำเล่าโดยขนาดแทบไม่สำคัญเลยตอนนั้น หรือการเล้าโลมวิธีอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นการลูบไล้สัมผัสไปทุกซอกทุกมุม รวมทั้งการเสียดสีสัมผัสทุกกลีบแห่งความลึกล้ำก็ล้วนแล้วแต่เป็นเทคนิคในการจูงเธอคนนั้นขึ้นสวรรค์ได้อย่างง่ายดาย แต่เมื่อถึงอาหารจานหลักเวลาที่ชายชาตรีสอดใส่ของเขาเข้าไปนั้น

จะต้องทราบว่าคลิตอริสที่โผล่ออกมาเล็กน้อยนั้นยังคงมีส่วนต่อเป็นวงรอบช่องคลอดของเธอตลอดวง การเสียดสีคลิตอริสด้านนอกเป็นการนำไปสู่จุดสุดยอดแบบหนึ่ง ขณะเดียวกันเมื่อส่วนของลำตัวคลิตอริส ได้รับการยืดขยายอย่างเป็นจังหวะจะโคนจากขนาดของอวัยวะเพศชาย ก็จะเกิดการยืดหดเป็นจังหวะที่จะทำให้เธอไปถึงดวงดาวได้อย่างมีคุณภาพเช่นกัน

ขนาดจึงมีความสำคัญด้วยประการฉะนี้ ความอวบอ้วนของอวัยวะเพศชายย่อมจะทำให้ปรากฏการณ์เป็นความจริง และเคล็ดลับในการจะทำให้อวัยวะอวบอ้วน แข็งแรงก็คือการใช้งานเป็นประจำสม่ำเสมอนั่นเอง อย่าลืมนะคุณนะ

อารมณ์ SEX ตามราศี




ราศีเมษ (21มี.ค. - 19 เม.ย.)


อารมณ์รัก

- ชอบเป็นฝ่ายรุก

- ชอบความตื่นเต้นเร้าใจ

- คาดหวังให้คู่รักเป็นฝ่ายรุกบ้าง

- มีทั้งเร้าร้อน รุนแรง และโรแมนติก

- คิดว่าเรื่องเซ็กส์เป็นเกมอย่างหนึ่ง



ราศีพฤษก (20 เม.ย. - 20 พ.ค.)

อารมณ์รัก

- ค่อยเป็นค่อยไป ไม่โลดโผน

- เขินอาย ไม่ค่อยกล้ารุก

- แต่ปลดปล่อยอารมณ์เต็มที่

- คิดว่าเซ็กส์คือการแสดงความรักต่อกัน

- คิดว่าเรื่องเซ็กส์เป็นเรื่องธรรมชาติ



ราศีเมถุน (21 พ.ค. - 20 มิ.ย.)

อารมณ์รัก

- ปลดปล่อยอารมณ์เต็มที่

- ชอบความแปลกใหม่

- ชอบความหวือหวา

- บางครั้งเร่าร้อน

- บางครั้งอ่อนหวาน

- คิดว่ามีรักก็ต้องมีเซ็กส์เป็นของคู่กัน



ราศีกรกฎ (21 มิ.ย. - 22 ก.ค.)

อารมณ์รัก

- ชอบโรแมนติก

- ชอบแบบเรียบง่ายไม่โลดโผน

- ไม่ชอบเป็นฝ่ายรุก

- ไม่ชอบทำอะไรที่แปลกใหม่

- คิดว่าการมีเซ็กส์นั้นสวยงามเหมือนความรัก



ราศีสิงห์ (23 ก.ค. - 22 ส.ค.)

อารมณ์รัก

- หมกมุ่นในเรื่องนี้มาก ไฟแรงสูง

- มีอารมณ์รักได้แม้กับคนที่ตัวเองไม่รักจริงจัง

- กล้าแสดงออกตามใจปรารถนา

- ทำให้คู่รักมีความสุขได้อย่างดีเยี่ยม

- คิดว่าเซ็กส์เป็นเรื่องธรรมชาติ



ราศีกันย์ (23 ส.ค. - 22 ก.ย.)

อารมณ์รัก

- ไม่ฝักใฝ่ แต่สนใจ ชอบเรียนรู้ทฤษฎี

- มีอารมณ์รักกับคู่รักเท่านั้น

- เซ็กซี่ ลีลาเป็นเลิศ

- ชอบสร้างความประทับใจให้คู่รัก

- คิดว่าเซ็กส์เป็นเรื่องธรรมชาติ



ราศีตุล (23 ก.ย. - 22 ต.ค.)

อารมณ์รัก

- ไม่ค่อยเรียกร้องต้องการนัก

- ภายนอกเซ็กซี่ แต่ที่จริงแล้วไม่เน้นเรื่องนี้นัก

- ไม่ค่อยกล้าเป็นฝ่ายรุก

- ค่อยเป็นค่อยไป ไม่ร้อนแรง

- คิดว่าเซ็กส์ไม่ใช่ของคู่กันกับความรัก



ราศีพิจิก (23 ต.ค. - 21 พ.ย.)

อารมณ์รัก

- เซ็กซี่เร้าร้อน

- ไฟแรงสูง

- กล้าเปิดเผยอารมณ์รัก

- เต็มไปด้วยความรู้สึก

- คิดว่าการมีเซ็กส์คือการแสดงความรัก



ราศีธนู (22 พ.ย. - 21 ธ.ค.)

อารมณ์รัก

- สนใจ ฝักใฝ่ แต่ไม่เน้นเรื่องนี้นัก

- ชอบคลอเคล้าเล้าโลม

- อบอุ่นโรแมนติก

- เก่งทฤษฎีมากกว่าปฏิบัติ

- คิดว่าเซ็กส์เป็นเรื่องท้าทาย



ราศีมังกร (22 ธ.ค. - 19 ม.ค.)

อารมณ์รัก

- ไฟแรงสูง

- โรแมนติกเหมือนฝัน

- บางครั้งเร้าร้อน

- ต้องเลิศ

- คิดว่าเซ็กส์คือการแสดงความรู้สึก





ราศีกุมภ์ (20 ม.ค. - 18 ก.พ. )

อารมณ์รัก

- เก่งทฤษฎีมากกว่าปฏิบัติ

- ใช้สมองมากกว่าใช้อารมณ์

- เขินอาย ไม่กล้า

- ไม่ค่อยฝักใฝ่เรื่องนี้นัก

- คิดว่าเซ็กส์กับความรักเป็นคนละเรื่องกัน



ราศีมีน (19 ก.พ. - 20 มี.ค.)

อารมณ์รัก

- โรแมนติกเสมอ

- ไม่ชอบเร่าร้อนโลดโผน

- ชอบคลอเคล้ามากกว่า

- ไม่ค่อยหมกมุ่นเรื่องเซ็กส์

- คิดว่าเซ็กส์คือการแสดงความรัก

Tuesday, December 8, 2009

ไมเกรน โอย ปวดหัวจริงหนอ ทำไงดี มีวิธี



อาการปวดหัวไมเกรน คราดว่าใครหลายคนคงเคยเป็นกันมาก่อน ผมจะมาเล่าให้ฟังจากประสบการณ์ โดยปกติ ผมจะปวดหัวไมเกรน เฉลี่ยอยู่ที่ 2 ครั้งต่อสัปดาห์ครับ ปวดจนชิน เคยคิดว่า เดี๋ยวนอนพักหลับไป ตื่นขึ้นมาเดี๋ยวก็หาย ปรากฎว่ามันไม่เป็นอย่างนั้นอะซิ พอตื่นขึ้นมา มันก็ปวดต่อเลย ต้องหายามากินอย่างเดียวเลยอะ ก็ไปถามตามร้านขายยา เขาก็จ่ายยามาให้กิน ตัวยาบางตัวกินแล้วก็ยังไม่หาย จนมาเจอ ยาชื่อว่า คาเฟก็อท (โปรดอย่าซื้อมากินเองนะครับต้องปรึกษาเภสัชก่อน) ผมกินแล้วจะหายเลยครับแต่ถ้าเป็นหนัก อาจจะต้องกินถึง 2 เม็ด ทีนี้เรื่องมีอยู่ว่า บังเอิญผมเป็นคนที่ชอบกินช็อคโกแล็ตเอามากๆอะซิ กินมันเกือบทุกวัน
(เอเกี่ยวอะไรด้วยเนี่ย) แล้วมีอยู่ช่วงหนึ่งผมไม่ได้กินช็อคโกแลตเลย นานทีเดียว แล้วก็ไม่ทันได้สังเกตุว่า ผมได้หายปวดหัวไมเกรนแล้ว จนมีแฟนมาทักว่า อ้าวเดี๋ยวนี้ไม่ค่อยบ่นว่าปวดหัวไมเกรนเลย ก็เลยมาสังเกตุดูว่าเอ หรือว่าเรากินช็อคโกแลตหว่า ผมก็เลยลองซื้อมากินใหม่ ปรากดว่า ผมปวดหัวไมเกรนอีกละ ก็เลยสัณนิฐานว่าผมปวดหัวไมเกรน อาจจะเป็นเพราะว่าไอ้ช็อคโกแลตตัวดีนี้แน่ๆ พอผมหยุดกิน มันก็ไม่ค่อยปวดอีกเลย ทั้งหมดที่เล่ามานี้ เป็นประสบการณ์ที่ผมสังเกตุจากการกิน เพราะฉนั้น ใครหลายๆคนที่มีปัญหา ปวดนั้นปวดนี่ ลองสังเกตุดูพฤติกรรมการกินของตัวเองดูซิครับว่า กินอะไร แล้วทำให้เป็นอะไรบ้าง เพราะผมคิดว่าแต่ละคน การกิน การแพ้ ของกินในแต่ละคนไม่เหมือนกัน จึงอยากเอามาเล่าให้ฟังครับ อาจมีประโยชน์อยู่บ้างไม่มากก็น้อย

Thursday, November 26, 2009

วิธีลับในการหาข้อมูลจาก Google



วิธีลับในการหาข้อมูลจาก Google สามวิธี ใน Google ที่ให้ได้มาซึ่งทุกอย่าง
ที่อยากดาวน์โหลด ในอินเตอร์เน็ต

คำแนะนำ คุณสามารถใช้วิธีนี้ ในการหาดาวน์โหลดโปรแกรม แคร็ก ซีดี คีย์ หรือต่างๆนานา ที่คุณอยากได้

("index of") (mp3|wmv|wma|ogg)

วิธีที่หนึ่ง พิมพ์คำเหล่านี้ ใน Google Search
(1) "parent directory " /appz/ -xxx -html -htm -php -shtml -opendivx -md5 -md5sums
(2) "parent directory " DVDRip -xxx -html -htm -php -shtml -opendivx -md5 -md5sums
(3) "parent directory "Xvid -xxx -html -htm -php -shtml -opendivx -md5 -md5sums
(4) "parent directory " Gamez -xxx -html -htm -php -shtml -opendivx -md5 -md5sums
(5) "parent directory " MP3 -xxx -html -htm -php -shtml -opendivx -md5 -md5sums
(6) "parent directory " Name of Singer or album -xxx -html -htm -php -shtml -opendivx -md5 -md5sums

*** หมายเหตุ ให้คุณเปลี่ยน คำที่ตามหลัง parent directory เช่น MP3 Gamez appz DVDRip
เป็นสิ่งที่คุณอยากได้ แล้วก้อค้นหา คุณจะพบกับ ความมหัศจรรย์ใน Google

วิธีที่สอง พิมพ์คำต่อไปนี้ใน Google
?intitle:index.of? mp3
จากนั้นแค่เพิ่มชื่อ เพลง อัลบั้ม นักร้อง ลงไป เช่น ?intitle:index.of? mp3 myfavoritesongs

วิธีที่สาม พิมพ์คำต่อไปนี้ใน Google
inurl:micr0s0f filetype:iso
จากนั้น ก้อเปลี่ยน คำว่า micr0s0f กับคำว่า iso เป็นคำที่คุณต้องการ
เช่น inurl:myc0mpany filetype:zip

สุขภาพกับรองเท้าส้นสูงของผู้หญิง



ผู้หญิงความงาม และการแต่งตัว ต่างเกิดมาเพื่อกันและกัน การที่ผู้หญิงคนหนึ่งลุกขึ้นมาแต่งเนื้อแต่งตัว
ก็เพื่อเพิ่มความโดดเด่น ลบความด้อย เสริมบุคลิกภาพในการเข้าสังคม โดยเฉพาะการสวมใส่รองเท้า
ส้นสูง ดูจะเป็นเครื่องแต่งกายชิ้นหนึ่งที่คุณผู้หญิงให้ความสำคัญ เมื่อสวมใส่แล้วเดินสวยๆ เข้ากับ
เสื้อผ้าที่ใส่ยิ่งทำให้มั่นใจและดูสง่าผ่าเผยขึ้นมาทันตา แต่ภายใต้ความสวยสง่านั้น อาจทำให้เกิดปัญหา
สุขภาพตามมาได้
จากการพูดคุยกับ ดร.นพ.กิติพันธ์ วิสุทธารมณ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลหัวใจกรุงเทพ บอกว่า สาวๆ ที่
นิยมใส่รองเท้าส้นสูงเป็นประจำ และต้องยืนนานๆ อาจะต้องพบกับปัญหาที่ตามมาอีกไม่น้อย เช่น เส้น
เลือดขอด มีอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ เกิดโรคข้อนิ้วหัวแม่เท้าเสื่อม แข็ง เก ผิดรูป หรือช้อน รวมทั้ง
อาจเกิดรอยด้านผิวหนังถูกเสียดสี เป็นตาปลาเกิดก้อนแข็งๆ ปูดนูนขึ้น เจ็บบริเวณเล็บ หรือเล็บขบ แต่ที่
อยากจะกล่าวถึงคือ อันตรายที่สาวๆ อาจจะคาดไม่ถึงว่าเพียงแต่เส้นเลือดขอดนี้แหละที่อาจเป็นอีกหนึ่ง
สาเหตุของการเกิดลิ่มเลือดหลุดไปที่หัวใจได้
เส้นเลือดขอดเป็นความผิดปกติที่เกิดขึ้นกับเส้นเลือดดำทำให้ผนังเส้นเลือดดำหย่อนตัวเกิดได้กับเส้น
เลือดดำที่อยู่ตื้น ขนาด 4-5 มิลลิเมตร บริเวณปลายเท้าและขาหนีบ รวมถึงเส้นเลือดดำขนาด 10-15
มิลลิเมตร ที่อยู่ลึกจนมองไม่เห็น ซึ่งหน้าที่หลักของเส้นเลือดดำคือ รับเลือดจากเส้นเลือดแดงที่หล่อ
เลี้ยงกล้ามเนื้อ ส่งกลับเข้าสู่หัวใจ หากเกิดความผิดปกติกับเส้นเลือดดำ ระบบไหลเวียนเลือดในร่างกาย
จะทำงานได้ไม่สมบูรณ์ และส่งผลต่อโรคหัวใจได้นั่นเอง
ความผิดปกติของเส้นเลือดดำบริเวณขาเกิดจากการยืนเป็นเวลานานๆ และยิ่งสาวๆ ที่ชอบใส่รองเท้าส้น
สูง และต้องยืนเป็นเวลานานๆ ด้วยแล้ว ยิ่งทำให้อวัยวะบางส่วนของร่ายการต้องรับบทหนัก เกิดการกด
ทับ และส่วนมากคนที่จะมาพบแพทย์ เพื่อรักษาอาการเส้นเลือดขอดจะมา เพราะความกังวลในเรื่อง
ความสวยงาม โดยเฉพาะสาวๆ วัยทำงานอายุเฉลี่ย 30-40 ปี และเพื่อเปน็ การรักษาเสน้ เลือดขอด และ
เพื่อป้องกันการเกิดลิ่มเลือดหลุดไปอุดหัวใจที่จะตามมา
ดร.นพ. กิติพันธ์ วิสุทธารมณ์ แนะนำว่า สำหรับการจะรักษาให้หายขาด
นั้นจะต้องรักษาตั้งแต่ระยะเริ่มต้น โดยปัจจุบันมีเทคโนโลยีที่ช่วยให้การ
รักษาทำได้ง่ายขึ้น อาทิ การยิงเลเซอร์สลายเส้นเลือดขอด ซึ่งทำได้เร็ว ไม่
เจ็บ ดังนั้น เพื่อเป้นการป้องกันระยะยาว สาวๆ ที่มีอาการปวดขา ควร
ปรึกษาแพทย์เพื่อวินิจฉัยโรคไม่เช่นั้นอาการปวดเมื่อยจากความผิดปกติ
ของเส้นเลือดที่คุณคิดว่าเป็นเรื่องเล็กน้อย อาจจะก่ออันตรายถึงชีวิต เช่น
หากมีลิ่มเลือดไปอุดหัวใจทำให้ไม่มีเลือดไหลเวียนกลับไปที่หัวใจและ
ปอดอาจถึงกับทำให้หัวใจหยุดเต้นได้ทันที
แต่ถ้าหากคุณสาวๆ มีความจำเป็นต้องใส่และยืนบรรองเท้าส้นสูงนานๆ และใช้งานเท้าหนักละก็ ควร
ดูแลเท้าด้วยวิธีง่ายๆ ซึ่งสามารถทำได้ที่บ้าน อย่างการแช่เท้าด้วยน้ำอุ่นจัด ประมาณ 10-15 นาที หรือ
ทำสปาเท้า เพราะมีแค่มะขามเปียก สบู่เหลว หรือสบู่ก้อนแปรงสีฟันเก่าที่เลิกใช้ สำลี โทนเนอร์
และโลชั่นน้ำนม ก็สามารถทำได้แล้ว เริ่มจากการขัดด้วยมะขามเปียก ตามด้วยสบู่ ขัดไปเรื่อยๆ ให้รู้สึก
ผ่อนคลาย นำแปรงสีฟันมาถูบริเวณรอยดำ รอยด้าน จากนั้นใช้สำลีชุบโทนเนอร์ขัดบริเวณที่ด้าน เช่น
ส้นเท้า สุดท้ายค่อยลงโลชั่นน้ำนมให้ทั่ว คุณก็จะได้เท้าที่สะอาดผ่อนคลาย หากพอมีเวลาควรทำสปา
เท้าอย่างน้อย 1 ครั้งต่อสัปดาห์
ดร.นพ.กิติพันธ์ วิสุทธารมณ์
คุณผู้หญิงที่รักความสวย สูง สง่าทั้งหลายเห็นทีต้องหันมาใส่ใจ และดูแลเท้ามากขึ้น หากไม่สามารถ
เลิกสวมรองเท้าส้นสูงได้ก็อย่าลืมดูแลเท้า เพื่อสุขภาพที่ดีของเท้าอย่าลืมว่าสุขภาพเท้าที่ดีมาพร้อมกับ
สุขภาพหัวใจที่ดี และการเดินบนรองเท้าส้นสูงคู่สวยด้วยความมั่นใจต้องมาด้วยกัน

10 วิธี หลับสบาย (momypedia)


สาหรับคุณ ๆ ที่หลับยากหลับเย็นเสียเหลือเกิน เรามีเคล็ดลับดี ๆ มาฝาก...
1. เตียงนอนต้องไม่แข็งเกินไปและมีความยืดหยุ่นตามการเคลื่อนไหว
2. อาบนํ้าอุ่น ช่วยให้อุณหภูมิร่างกายเพิ่มขึ้น กล้ามเนื้อผ่อนคลายหลับสบาย
3. ออกกำลังกายเป็นประจำ แต่หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายในช่วงก่อนเข้านอน ซึ่งจะไปกระตุ้นกล้ามเนื้อ และปลดปล่อยสารเอนดรอฟีนในร่างกายทำให้หลับยากขึ้น
กว่าเดิม
4. หลีกเลี่ยงสิ่งกระตุ้นให้หลับไม่ลงอย่าง คาเฟอีน นิโคติน และอาหารรสหวาน
5. สวมเสื้อผ้าพอดีตัว ระบายอากาศได้ดีอย่างผ้าคอตตอน และลินิน
6. หยดนํ้ามันหอมระเหยกลิ่นลาเวนเดอร์ปริมาณเล็กน้อยบนหมอน จุดเทียนหอมกลิ่นลาเวนเดอร์ก่อนนอน
7. ดื่มชาคาโมไมล์ หรือชาเปปเปอร์มิ้นท์
8. นมอุ่น ๆ ก่อนเข้านอนช่วยให้หลับปุ๋ยได้เลยล่ะค่ะ
9. ไม่กินมื้อหนัก ๆ ก่อนเข้านอน
10. ไม่ดื่มนํ้าก่อนเข้านอนมากเกินไป เดี๋ยวเดินเข้าออกห้องนํ้าทั้งคืน จะว่าไม่เตือนไม่ได้นะคะ
ทำครบ 10 วิธี คุณ ๆ ทั้งหลายก็จะหลับดี หลับสบาย หลับอุตุกันทั้ง
คืน

10 ไอเดียดูแลสุขภาพผู้ชาย


คุณผู้ชายทั้งหลายมีส่วนคล้ายเด็กอยู่เหมือนกัน ตรงที่ว่าต้องมีเทคนิคโน้มน้าวใจเสียหน่อยถึงจะยอมคล้อยตามหรือลงมือทำอะไรสักอย่าง ทั้งๆที่รู้ว่าสิ่งนั้นดีกับตัวเอง

ฉะนั้นไม่ว่าคุณจะอยู่ในบทบาทใด จะเป็นคุณแม่ คนรัก พี่สาว น้องสาว หรือลูกสาวของพ่อ เรามีวิธีดีๆมาบอกกัน เพื่อช่วยสนับสนุนและส่งเสริมให้ “ ผู้ชายของคุณ ” มีสุขภาพดียิ่งขึ้นค่ะ

1. หนึ่งแก้วหลังตื่นนอน

ตื่นให้เช้าอีกสัหน่อย แล้วเตรียมน้ำเปล่าหนึ่งแก้ววางไว้บนหัวเตียงหรือในจุดที่คุณผู้ชายที่ตื่นมาแล้วมองเห็นได้ง่าย การดื่มน้ำทันทีหลังตื่นนอนนั้นดีต่อสุขภาพ ( ควรดื่มก่อนแปรงฟัน ) เพราะน้ำลายในปากจะมีแบคทีเรียที่ดีต่อลำไส้ช่วยเรื่องการขับถ่าย และยังช่วยลดความเสี่ยงเรื่องต่อมลูกหมากอักเสบ วิธีง่ายๆอย่างนี้จึงเป็นการเพิ่มโอกาสการดื่มน้ำช่วยบำรุงผิวพรรณให้สดชื่น เพื่อเริ่มต้นวันใหม่ได้อย่างดี

2. อย่าพลาดอาหารเช้า

ไม่ว่าคุณจะวุ่นวายแค่ไหน ก็อย่าให้เขาพลาดมื้อเช้าเพราะการกินมื้อเช้าช่วยลดความเสี่ยงสุขภาพไปได้เยอะ ทั้งเรื่องหลอดเลือดอุดตัน โรคหัวใจ และอัลไซเมอร์ ลองดัดแปลงอาหารเช้าทำง่ายๆได้สุขภาพมาแทน เช่น แซนวิชทูน่าหรือปลากะพงอบ ไข่คนใส่มะเขือเทศ ฯลฯ หากไม่มีเวลามาก คุณอาจซื้ออาหารหรือทำเตรียมไว้ตั้งแต่ก่อนเข้านอน เช่น อบปลาแซลมอนหรือปลากะพงเพื่อเป็นไส้แซนด์วิช ต้มซุปไก่ใส่มันฝรั่งแล้วเก็บเข้าตู้เย็นก่อนกินมื้อเช้าก็นำมาอุ่นกินได้ทันที เริ่มต้นวันอย่างดีก็มีชัยไปกว่าครึ่งแล้วจริงไหมคะ

3. เตรียมผลไม้ให้กินง่าย

การมีผลไม้วางใส่ตะกร้า บางทีก็ไม่เร้าใจเพียงพอให้คุณผู้ชายหยิบมากินหรอกนะคะ คุณอาจต้องหั่นเป็นชิ้นใส่กล่องเก็บไว้ในตู้เย็น หรือใส่จานเสิร์ฟหลังมื้ออาหารการอยู่ใกล้มือและกินง่ายจะช่วยให้เขากินผลไม้ได้มากขึ้น แต่ถ้าจะให้ดีลองดัดแปลงผลไม้ที่เขาชอบมาเป็นของว่าง เครื่องดื่มรูปแบบต่างๆดู เช่นสมู้ธตี้ ผลไม้ลอยแก้ว ฟรุตสลัด ฯลฯ น่าจะทำให้การกินสนุกและอร่อยยิ่งขึ้น

4. ชวนกันไปออกกำลังกาย

อย่าปล่อยให้เพลินไปกับเกมคอมพิวเตอร์ หรือคร่ำเคร่งกับหน้าที่การงานเสียจนละเลยสุขภาพ ลองเอ่ยปากชวนกันไปออกกำลังกายดูบ้าง เลือกชนิดกีฬาที่ชอบ คุณผู้ชายจะได้มีความยากเล่นมากขึ้น อาจเริ่มต้นจากกีฬาง่ายๆ อย่างเช่น วิ่งจ๊อกกิ้ง ขี่จักรยาน รวมถึงการสมัครสมาชิกสปอร์ตคลับหรือซื้ออุปกรณ์กีฬาโปรดชิ้นใหม่ให้ด้วย จะช่วยให้มีความตั้งใจออกกำลังกายเพิ่มขึ้น แต่อย่าปล่อยให้เขาไปเล่นเพียงลำพังล่ะ เพราะการมีเพื่อนไปออกกำลังกายด้วยกันนั้นได้ทั้งความสนุก กระชับความสัมพันธ์และจะได้มีสุขภาพดีกันทั้งครอบครัว

5. อย่าลืมครีมกันแดด

ไม่ใช่เรื่องรักสวยรักงามเลยค่ะ เพราะอันตรายของรังสีจากแสงอาทิตย์นั้นไม่ใช่เรื่องล้อเล่น อาจเพิ่มความเสี่ยงโรคมะเร็งผิวหนังได้อย่างที่เราไม่รู้ตัว คุณน่าจะสรรหาครีมกันแดดชนิดที่ไม่เหนียวเหนอะหนะ อาจเป็นออยล์ฟรีหรือมีส่วนผสมหลักเป็นน้ำ ( water base ) มาให้เขาใช้ อย่างน้อยจะได้ไม่สร้างความรำคาญให้ผิวหน้าจนเกินไป และช่วยป้องกันอันตรายจากแสงอาทิตย์ได้ในระดับหนึ่ง

6. กำหนดเมนูปลาไว้ทุกวัน

คุณก็รู้อยู่แล้วว่าประหลาดีต่อสุขภาพ คงจะดีแน่ถ้าทุกมื้ออาหารมีปลาอย่างน้อยๆหนึ่งเมนู อาจเปลี่ยนรูปแบบการปรุงให้แตกต่างกันออกไป ไม่ว่าจะเป็นต้มยำ ทอดกระเทียม นึ่งมะนาว หรือเผา รวมทั้งเลือกปลาหลากหลายชนิด จะช่วยให้การกินปลาไม่ใช่เรื่องน่าเบื่อ ปลาทะเลน้ำลึก เช่น ปลาแซลมอน ปลาทูน่า ปลาซาร์ดีน ปลาแมคเคอเรล มีกรดไขมันที่จำเป็นต่อร่างกาย ดีต่อหลอดเลือดหัวใจ ระบบประสาท และสุขภาพจิต เลือกกินสัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง จะดีมาก
7. นวด สัมผัสเพื่อผ่อนคลาย

คุณผู้ชายเขาแอบกระซิบมาค่ะว่า ไม่ได้ต้องการคนนวดระดับเซียนหรอก แต่ถ้ากลับมาบ้านแล้วมีคนใกล้ชิดมานวดให้ผ่อนคลายเสียบ้าง เขาจะหายเหนื่อยได้เป็นปลิดทิ้ง เพราะความเคร่งเครียดทำให้กล้ามเนื้อบริเวณบ่า ต้นคอ และศีรษะตึงและมีอาการเกร็ง หากได้รับการบีบนวดสักหน่อยจะช่วยให้เลือดไหลเวียนได้ดีขึ้น เทคนิคนี้คุณจะเป็นฝ่ายเริ่มต้นแล้วผลัดกันนวดก็ได้ เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพ แถมยังสร้างความรู้สึกที่ดีต่อกันอย่างดีด้วย

8. ขยันให้กำลังใจหน่อย

คุณผู้ชายมักทำงานด้วยความมุ่งมั่น บางครั้งก็เครียดจนชีวิตขาดสีสันและเสียงหัวเราะ ลองเจียดเวลาส่งแมสเสจดีๆหรือข้อความอาจรวมถึงการส่งเรื่องขำขันไปให้ การได้หัวเราะแม้จะเป็นเพียงวันละครั้งก็ยังดี เวลาอยู่ในบ้านอาจเขียนข้อความน่ารักๆ หรือความห่วงใยติดไว้ตามที่ต่างๆ เช่น ตู้เสื้อผ้า หน้าตู้เย็น หรือที่กระจกหน้ารถ เขาจะได้รู้ว่ายังมีคนใส่ใจและห่วงใยเขาอยู่

9. ใส่ใจรถหน่อย

รถก็เปรียบเสมือนบ้านหลังที่สอง ฉะนั้นอย่าลืมทำบ้านเคลื่อนที่หลังนี้ให้น่าอยู่ ด้วยการช่วยเขาเก็บขยะไปทิ้ง ดูดฝุ่นในรถบ้าง จัดของในรถให้เป็นระเบียบ เตรียมซีดีเพลงโปรดใส่รถไว้ให้ หรือหยอดน้ำมันหอมระเหยกลิ่นดีๆ ที่ช่วยบำบัดไว้ในรถแทนที่จะใช้น้ำหอมดับกลิ่น นอกจากจะทำให้อากาศในรถดีขึข้นแล้ว อาจจะทำให้เขานึกถึงคุณและอยากจะรีบกลับบ้านมากขึ้นก็เป็นได้

10. หาเวลาไปต่างจังหวัดบ้าง

ไปปลดปล่อยภาระหน้าที่การงานด้วยการออกท่องเที่ยวผจญภัยกันดีกว่าแม้ไม่ต้องมีเวลามากก็ออกไปเปลี่ยนบรรยากาศได้ เพราะคุณผู้ชายเขาเบื่อเต็มทนกับการต้องใช้เวลาว่างในห้างสรรพสินค้า คุณอาจจะลองเสนอไอเดียไปเที่ยวนี้ให้เขาเลือก สถานที่และกิจกรรมที่จะทำร่วมกัน เช่น ไปปิกนิก ไปปีนเขา ดำน้ำ หรือตกปลา วิธีนี้น่าจะช่วยให้สมาชิกในครอบครัวได้พักผ่อนทั้งกายและใจ ทั้งยังกระชับความสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้นขึ้นด้วย
..................................................................................................................................
ขอขอบคุณบทความจาก นิตยสาร HEALTH & CUISINE กันยายน 2547

วิธีลดพุงแบบ ..ด่วน!!


ถ้าคุณรู้สึกอึดอัดหน้าท้อง จนแทบจะใส่ยีนส์ตัวโปรดของคุณไม่ได้ นี่เป็นเทคนิคเล็ก ๆ ที่ช่วยคุณลดหน้าท้องแบบเร่งด่วน

1. ขยับเขยื้อนตัวให้บ่อยที่สุด

อย่ามัวนั่งจุ้มปุ้กอยู่บนโซฟาหรือนอนแกร่วบนเตียง เพราะจะทำให้คุณอึดอัดมากขึ้น การขยับตัว เดินไปเดินมาในบ้านหรือเดินขึ้นลงบันได จะช่วยเผาผลาญไขมันได้มากขึ้น

2. ดื่มชา

ค่อย ๆ จิบชา ก็พอช่วยได้ เพราะในชา มีสารที่มีคุณสมบัติในการขับน้ำส่วนเกินออกมาจึงช่วยทำให้กระเพาะหดตัวลง

3. งดอาหารเค็มหรืออาหารที่มีเกลือ

เกลือทำให้หน้าท้องคุณป่องได้ เพราะความเค็มของเกลือจะเป็นตัวกักเก็บน้ำส่วนเกินไว้ จึง ทำให้รู้สึกอึดอัดแถวๆหน้าท้อง

4.ทานอาหารมื้อเล็ก ๆ

แบ่งอาหาร 1 มื้อ เป็น 2 มื้อ และเน้นอาหารแคลอรี่ต่ำ เช่น โยเกิร์ตพร่องไขมัน ผักสด หรือผลไม้ อาจทานทุก 2-3 ชั่วโมง แต่เป็นจานเล็ก ๆ แทน

Sunday, November 15, 2009

ผิวหน้าหล่อ..ใส..แบบเร่งด่วน


มาดูวิธีดูแลผิวที่แสนจะหยาบกร้านของหนุ่มๆ
ให้กลับมีน้ำชุ่มๆ ดูมีสุขภาพสุดๆ มาให้ลองทำกันดู

ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว
ควรใช้ผลิตภัณฑ์ประเภทที่มี Serum ซึ่งไม่ได้ให้ความชุ่มชื้นแต่จะเน้นที่การบำรุงและฟื้นฟูขั้นสูง โดยอาจเลือกประเภทที่หนาแน่นไปด้วยวิตามิน และสารแอนตี้ออกซิแดนซ์เข้มข้น ก็จะยิ่งทวีความมีประสืทธิภาพให้กับผิวได้เป็นอย่างดี เมื่อหาของชั้นเลิศได้แล้วก็ควรปฏิบัติตนให้ถูกวิธี เช่น หลังล้างหน้าเสร็จก็ทา Serum และที่สำคัญควรทาตามด้วยมอยส์เจอไรเซอร์เพื่อให้น้ำกับผิวนั่นเอง

วิธีจัดการหน้าหลังล้างสิ่งสกปรก
หลายคนคงกลัวไม่แมนก็จะเช็ดหน้าด้วยแรงช้างสารที่เพิ่งเพาะมาจากโรงเพาะกาย แต่ขอบอกว่าไม่มีความจำเป็นที่จะต้องออกแรงกับสิ่งที่บอบบาง เช่น บริเวณตา ใต้ตา หรือใบหน้า เนื่องจากเป็นผิวที่แสนจะยับเยินง่ายกว่าผิวบริเวณอื่นแล้ว เมื่อเกิดเป็นริ้วรอยขึ้นจะรักษาได้ยากมากโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อแก่ตัวลง
นำผ้าขนหนูเนื้อนุ่มมาชุบน้ำแช่ตู้เย็นเอาไว้จนเย็นจัด และเอาผ้านั้นมาแปะลงบนหน้า ค่อยๆ กด และนวดคลึงใบหน้าอย่างเบามือ วิธีนี้จะช่วยให้ผิวตื่นตัวเร็ว แก้มเปล่งปลั่งสดใส อีกทั้งยังเป็นการลดอาการบวมของถุงใต้ตาได้ดีทีเดียว

การนวดแบบกดจุด
โดยใช้นิ้วหัวแม่มือทั้งสองข้างกดหัวคิ้วทั้งสองข้าง แล้วค่อยๆ กดไล่ตามรูปคิ้วออกไปเรื่อยๆ จนถึงขมับ โดยใช้นิ้วนวดขมับเบาๆ สักครู่ และกดไล่มายังโหนกแก้มจนสุดท้ายมาหยุดที่ริมฝีปาก วิธีนี้จะช่วยการไหลเวียนของเส้นเลือดและเส้นประสาทให้มีการทำงานที่ดีขึ้น ทั้งยังช่วยผ่อนคลายความตึงเครียดได้อีกทาง

อุปกรณ์ประเภท Face Pack หรือ ถุงเจล
การใช้อุปกรณ์จำพวกนี้จะช่วยในการกระตุ้นให้ผิวตื่นตัวได้เร็ว เคล็ดลับการเลือกก็คงไม่ใช่ที่ราคา แต่ควรดูที่มีแบบเมนธอลและน้ำมันยูคาลิปตัสก็จะยิ่งทวีความสดชื่น ผ่อนคลายได้ดี ข้อควรระวังก็คือถ้าคุณมีผิวที่แพ้ง่ายก็ควรหลีกเลี่ยง

ไม่มีอุปกรณ์
วิธีนี้ก็ธรรมดาสามัญที่หลายๆ คนคงเคยได้คุ้นหูกันมาบ้าง คือ การล้างหน้าด้วยน้ำเย็นจัด หรือน้ำแข็งก้อน จะช่วยให้สมานรูขุมขนได้ดีทันใจเช่นกัน ลองทำดูได้แค่ลงทุนเอาน้ำเย็นในตู้เย็นมาล้างให้ทั่วหน้าอย่างเบามือหรือนำน้ำแข็งที่ลบคมแล้วมาลูบทั่วใบหน้า ก็สามารถทำให้เส้นเลือดฝาดได้ผุดผาดออกนอกหน้าได้เช่นกัน

Tuesday, September 15, 2009

Svchost.exe


เป็น Worm ชนิดหนึ่ง ที่สร้างชื่อเลียนแบบไฟล์ Svchost.exe ของระบบปฏิบัติการ Window ซึ่งไฟล์ svchost.exe เป็นไฟล์ generic host process ใช้รัน กับ DLL ไฟล์เพื่อสร้าง Service ขึ้นมาเช่น EventSystem,Netman,NtmsSvc,RasMan โดยที่สามารถรันได้หลายๆ instance พร้อมกัน
อีกชื่อหนึ่งที่ใช้คือ W32.CodeBlue ซึ่งส่งผลกระทบกับระบบปฎิบัติการ Windows ที่ใช้งานโปรแกรมประยุกต์ IIS

ขั้นตอนการทำงานของ W32.CodeBlue
1.เรียกใช้ไฟล์ Httpext.dll ในเครื่องผู้ถูกบุกรุก ซึ่งอยู่ในโฟลเดอร์ C:Inetpub/wwwroot/scripts
2. ตัวหนอนจะเรียกใช้งานผ่านคำสั่ง HTTP GET
3. หลังจากนั้นตัวหนอนจะสร้างไฟล์ C:Svchost.exe และเรียกใช้งาน
4. C:Svchost.exe จะทำการสร้างและแก้ไขส่วนต่างๆ ของระบบ

W32.CodeBlue จะสร้างและแก้ไข
1.ทำการสร้างไฟล์ C:Svchost.exe และแก้ไข registry ดังนี้
HKEY_LOCAL_MACHINESoftwareMicrosoft WindowsCurrentVersionRun
ซึ่งจะอนุญาตให้เรียกใช้งานตัวหนอนหลังจาก restart เครื่องทุกครั้ง
2. สร้างไฟล์ชั่วคราวที่ C:d.vbs ซึ่งไฟล์นี้เป็นไฟล์ที่ถูกเรียกจากโปรแกรม C:WINNTsystem32Wscript.exe
3.ไฟล์ d.vbs จะทำการลบไฟล์.ida, .idq, และ .printer IIS service เพื่อไม่ให้มีการติดเชื้อจาก CodeRed
4.ในช่วงเวลา 10 นาฬิกาและ 11 นาฬิกา ตัวหนอนจะทำการส่ง mail ที่มีข้อมูลขนาดใหญ่ไปยังเว็บไซต์บริษัทในเมืองจีน

วิธีตรวจสอบ

ในDrive C หรือ D จะมีFolder ที่ชื่อ d และใน Folder ที่ชื่อ d นั้นจะมีFolder ต่างๆเช่น c , cpu ,n ,w และอื่นๆ
- ไฟล์ Svchost.exe ของระบบจะอยู่ใน C:WINDOWSsystem32 เท่านั้น ไฟล์ที่เป็นไวรัส ส่วนใหญจะอยู่ใน C:Svchost.exe หรือC:WINDOWSSvchost.exe

วิธีแก้ไข

1.ไปที่ Start Menu เลือก Run พิมพ์ regedit คลิก OK ไปที่
HKEY_LOCAL_MACHINESoftwareMicrosoft WindowsCurrentVersionRun
2. ฝั่งขวาของข้อความจะแสดงค่า C:svchost.exe ให้
ลบข้อความทางฝั่งขวามือ และ ออกจากโปรแกรม
3.ค้นหาและลบไฟล์ C:svchost.exe และ C:d.vbs

วิธีกำจัดไวรัส คลิป VDO.EXE กับอาการ และวิธีแก้


เป็นไวรัสที่ไม่ได้สร้างความเสียหายร้ายแรงแก่ระบบเท ่าใดแต่สร้างความรำคาญให้แก่ผู้ใช้ที่ติดไวรัสชนิดนี ้มา โดยไวรัสชนิดนี้จะมีรูปร่างเหมือนFolderที่อยู่ในWin dows ทั่วๆไป แต่จะมีนามสกุลเป็น.exeทำให้เมื่อคลิกมัน ก็จะทำการฝังตัวไว้ใน C:WINDOWSsystem32 โดยจะทำการรันตัวมันเองขึ้นมาเรื่อยๆและสร้างไฟล์ คลิปVDO.exe ขึ้นมาใหม่เรื่อยๆ แม้ว่าจะทำการลบไฟล์ คลิปVDO.exe แล้วก็ตาม

วิธีแก้ไขไวรัส คลิปVDO.exe
1.เข้า windows task manager โดยกด Ctrl+Alt+Del ไปที่แทบ processes หาไฟล์ที่ชื่อ soundmsg.exe จากนั้นก็จัดการ end progress โดยการคลิ้กขวาเลือก end process หรือ กด delete แล้วตอบ yesไป
2. ลบไฟล์ คลิปVDO.exe
3. ไปที่ C:windowssystem32 แล้วหาไฟล์ soundmsg.exe หรือsearch หาไฟล์ soundmsg.exe
4.ไปที่Start menu->Run พิมพ์เข้า RegEdit เลือกที่HK_Local_MachineSoftwareMicrosoftWindowsCu rrentVersionRun ลบค่า Registry ที่ชื่อVirus test
5.ถ้าไวรัสติดที่Handy drive ให้เข้าSave Mode ของWindows แล้วเข้าไปลบไฟล์คลิปVDO.exe

วิธีกำจัดไวรัส Brontokกับอาการ และวิธีแก้


ลักษณะอาการ

- Menu Folder Option จะหายไป
- จะเกิดไฟล์ .exe ชื่อเหมือน Folder ในทุก Folder ที่เปิดเข้าไปดู
-มีหน้าเวปขึ้นมาเขียนว่า Brontok
- ไม่สามารถเรียกใช้ Registry Editor และFolder Option ได้

วิธีแก้ไข

1. หากมีคอมพิวเตอร์หลายเครื่อง มีการแชร์ไดร์ฟ หรือแลนกันไว้ให้จัดการยกเลิกการแชร์ ตัดการติดต่อกันเสียก่อน
2. เข้า Safe Mode ( กด f8 รัวๆตอนรีบู๊ดเครื่อง)เลือกเข้าในฐานะของ Administrator
3. ไปที่ Run พิมพ์ msconfig กด OK เลือก Start upยกเลิกเครื่องหมายหน้ารายการเหล่านี้ออกไป norBtok , smss
4. Restart เครื่องใหม่
5. โหลด File UnHookExec.inf จาก
http://securityresponse.symantec.com...UnHookExec.inf
6. เมื่อโหลดเสร็จให้ คลิกขวาที่ไฟล์ แล้วเลือก install
7. ไปที่ Run พิมพ์ regedit ไปที่ HKEY_CURRENT_USERSoftwareMicrosoftWindowsCurrentVe rsionPoliciesExplorer ลบค่า "NoFolderOptions" = "1
8. ไปที่ %UserProfile%Local SettingsApplication Data ลบ File csrss.exe , inetinfo.exe , lsass.exe , services.exe , smss.exe , winlogon.exe ออกให้หมด
9. ไปที่ %UserProfile%Start MenuProgramsStartup
ลบFile Empty.pif
10.ไปที่ %UserProfile%Templates ลบFile A.kotnorB.com
11.ไปที่ %Windir%inf ลบfile norBtok.exe
12. ไปที่%System% ลบfile 3D Animation.scr

สิ่งที่ควรปฏิบัติเมื่อต้องนอนดึก


ใครที่ดูบอล ทำการบ้าน หรือทำงานติดพัน แล้วต้องนอนดึกๆ อาจจะทำให้เสียสุขภาพได้ แต่ถ้าเลี่ยงไม่ได้จริงๆควรปฎิบัติตามนี้......

การพักผ่อนควรเข้านอนเวลา 3 ทุ่ม เนื่องจากร่างกายต้องการเวลาในการซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอขับของเสียตามอวัยวะต่าง ๆ ย่อยอาหารให้หมด และถ้ากินมื้อหนักในตอนกลางคืน แถมนอนดึกอีก รับรองว่าอ้วนแน่นอน เพราะไขมันเผาผลาญไม่หมดเลยทำให้เกิดการสะสมของไขมัน

แต่ถ้านอนดึกเลี่ยงไม่ได้ เพราะต้องทำงาน ทำการบ้าน ดูบอล (ช่วงนี้เลยอ่ะ) หรือติดงานอะไรก็ตาม ควรปฏิบัติดังนี้

1. งดเนื้อสัตว์ เช่น เนื้อวัว เนื้อหมู ไก่ เพราะย่อยยากลำไส้ต้องทำงานหนัก

2. ถ้าหากอยากกินเนื้อสัตว์ ก็ควรช่วยลำไส้ด้วยการเคี้ยวให้ละเอียด ยิ่งเคี้ยวละเอียดมากเท่าไหร่ยิ่งดี จะได้แบ่งเบาภาระการทำงานของลำไส้

3. ดื่มน้ำขิง ผสม น้ำผึ้ง อุ่น ๆ หรือ น้ำอุ่นธรรมดา + น้ำผึ้ง หรือถ้าไม่มีอะไรเลย น้ำอุ่นธรรมดา สัก 1 แก้วก็ได้

4. เวลานอน ควรทำให้ช่วงท้องกับฝ่าเท้าอุ่น โดยการห่มผ้า

5. มื้อดึก ควรเป็นมื้อเบา ๆ อย่างเช่น ผัก ผลไม้ นม ไข่ เนื้อปลา จะดีกว่า

6. ควรหลีกเลี่ยงน้ำเย็น น้ำอัดลม เพราะจะเพิ่มภาระทำให้ระบบภายในร่างกาย ร่างกายต้องความร้อนเพราะช่วยในการย่อยอาหาร หากดื่มแต่น้ำเย็น โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังมื้ออาหาร จะทำให้ร่างกายต้องพยายามปรับอุณหภูมิ ให้อุ่นเหมาะสมก่อน แล้วจึงนำไปใช้

อย่าลืมหันมาดูแลสุขภาพกัน ด้วยการไม่นอนดึกมากจนเกินไป เพื่อสุขภาพที่ดี.

ด้วยรักจากใจ

วิธีกำจัดสิวอย่างถูกวิธี


สาเหตุสิว

หากการทำงานของฮอร์โมนผิดปกติจะส่งผลให้ต่อมไขมันผลิตน้ำมันออกมามากเกินไป และเร่งการหลุดลอกของเซลล์ผิวบริเวณผิวชั้นบน

และในรูขุมขนซึ่งสิ่งตกค้างเหล่านี้จะขัดขวางทางเดินของต่อมไขมัน และอุดตันรูขุมขนด้วย ซึ่งสภาพแบบนี้ช่วยให้แบคทีเรียชนิดโปรฟิโอแบคทีเรีย แอ็คเน่ส์ที่แอบอยู่ในต่อมไขมันเจริญเติบโต และก่อให้เกิดตุ่มอักเสบระคายเคือง หรือสิวนั่นเอง

และอีกเหตุผลที่ไม่น่าเป็นไปได้ แต่ก็ทำให้เกิดสิวได้ก็คือ การระคายเคืองและการแพ้เครื่องสำอาง หรือยาและอาหารบางชนิด (แต่ก็ยังไม่มีงานวิจัยที่ยืนยันว่า อาหารใดก่อให้เกิดสิว)

ทำไมหัวขาว ทำไมหัวดำ

น้ำมันส่วนเกิน และเซลล์ผิวเก่าที่มีมากผิดปกติจะรวมตัวกันเป็นสารสีขาวนิ่มๆ อุดรูขุมขนไว้ ถ้าส่วนบนของรูขุมขนถูกปิดด้วยผิว ก็จะเรียกว่า สิวหัวขาว (Whitehead/Milia)

ถ้าไม่มีอะไรขวางรูขุมขน ส่วนบนของสารขาวๆ ที่ก่อตัวจะถูกอากาศจนกลายเป็นสีดำ เรียกว่า สิวหัวดำ (Blackhead)

สิวหัวขาวและหัวดำจะกลายเป็นสิวอักเสบเมื่อแบคทีเรียเติบโตในส่วนที่อุดตัน การอักเสบและน้ำมันส่วนเกินจะทำให้กำแพงของต่อมไขมันรั่ว และน้ำมัน เซลล์ผิวเก่า แบคทีเรียจะกระจายตัวไปทั่วเนื้อเยื่อผิวโดยรอบ ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายจึงต้องเข้าไปต่อสู้ซ่อมแซมผิว จึงทำให้บวมเป็นตุ่มสิวอย่างที่เห็น

วิธีปราบสิว

ถ้ามัวแต่แก้ไขเฉพาะสิวที่เห็นภายนอกโดยไม่สนใจรักษาที่ต้นเหตุซึ่งอยู่ใต้ผิวหนัง การรักษาใดๆ ก็ไม่ได้ผล เช่นใช้ผลิตภัณฑ์ทำให้หัวสิวแห้งเพียงอย่างเดียว ซึ่งนอกจากสิวจะไม่ยุบและไม่สามารถดูดซับความมันบนหัวสิวแล้ว ยังระคายผิว และอาจก่อให้เกิดแผลเป็นอีกด้วย

ฉะนั้น วิธีปราบสิวที่ดีที่สุดคือ การขัดผิวเพื่อลดการสะสมตัวของเซลล์ผิวที่ตายทั้งบนผิวและในรูขุมขน การฆ่าเชื้อแบคทีเรียที่ก่อให้เกิดสิว การดูดซับความมันและสร้างสมดุลให้กับฮอร์โมนของร่างกายเพื่อควบคุมการผลิตน้ำมัน

ล้างหน้า :

ควรใช้เคลนเซอร์ที่ละลายน้ำและไม่ผสมสารที่ทำให้ระคายผิว เช่น สบู่ สครับ เพื่อเลี่ยงการกระตุ้นต่อมไขมัน ลดการอักเสบของผิว และความแห้งกร้าน ส่วนเคลนเซอร์ที่ผสมสารขัดลอกเซลล์ผิว สารยับยั้งเชื้อแบคทีเรียหรือดูดซับน้ำมันส่วนเกินจะไม่ค่อยได้ผลเท่าไหร่ เนื่องจากก่อนที่สารเหล่านี้จะออกฤทธิ์คุณก็ล้างออกเสียแล้ว

ขจัดเซลล์ผิว :

เพราะสิวเกิดขึ้นภายในรูขุมขน และเกี่ยวข้องกับการผลิตน้ำมัน ดังนั้น ผลิตภัณฑ์ที่ผสมกรดซาลิไซลิกซึ่งละลายในไขมัน จึงสามารถเข้าขัดลอกเซลล์ผิวเก่าในรูขุมขนได้อย่างอ่อนโยน แนะนำให้ใช้ประเภทเจลหรือโลชั่นเนื้อเบาๆ ซึ่งไม่ผสมสารสร้างความหนืดหรือสารให้ความชุ่มชื่นอันจะอุดตันรูขุมขน ส่วนสครับหรือกรด AHA มักไม่ค่อยได้ผล เนื่องจากตัวช่วยขัดลอกเซลล์ผิวเฉพาะภายนอก ไม่สามารถลงลึกถึงรูขุมขนได้

ฆ่าเชื้อแบคทีเรีย :

แอลกอฮอล์หรือซัลเฟอร์เป็นสารฆ่าเชื้อที่ดีแต่ทำให้ผิวแห้งและระคายจนทำให้เกิดสิวใหม่ คุณจึงควรใช้ผลิตภัณฑ์ที่ผสมน้ำมีทีทรีหรือเบนซอยล์เพอร๊อกไซด์ ที่มีความเข้มข้นประมาณ 2.5% 5% หรือ 10% ส่วนการกินยาแอนตี้บอดี้สามารถฆ่าเชื้อแบคทีเรียซึ่งก่อสิวได้จริง แต่จะทำลายแบคทีเรียตัวที่เป็นประโยชน์แก่ร่างกายไปด้วย

เพิ่มการสร้างเซลล์ผิว :

คุณหมออาจใช้สารจำพวกเตรตินอยน์ ดิเฟอรีนและกรดอะเซลาอิก ซึ่งช่วยให้เจริญเติบโตได้ดี จนสามารถเปลี่ยนแปลงรูปร่างของรูขุมขน และช่วยให้การขับน้ำมันสะดวกราบรื่น

ที่พึ่งสุดท้าย :

ถ้าหากสิวยังคงอยู่ทนแม้คุณจะทดลองใช้ผลิตภัณฑ์ทุกรูปแบบแล้วก็ตาม คุณก็ควรปรึกษาแพทย์ผิวหนัง เพราะยังมียารับประทานอีกตัวหนึ่งซึ่งเป็นที่ยอมรับกันทั่วโลกแล้วว่าสามารถรักษาสิวได้ผลดีเยี่ยม นั่นก็คืออัคคูเทน ซึ่งเป็นวิตามินเอปริมาณสูง มักใช้ในกรณีที่เกิดสิวรุนแรงและยังช่วยทำให้ผิวเนียนกระชับสวยขึ้นด้วย

แต่ยาตัวนี้ควรเป็นทางเลือกสุดท้ายจริงๆ และต้องอยู่ในความดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด เนื่องจากยานี้มีผลข้างเคียงที่ค่อนข้างรุนแรง เช่น ก่อให้เกิดความผิดปกติในการตั้งครรภ์และปัญหาทางจิต

6 บทนำเล่นรักให้ระทวย


คนส่วนใหญ่มักจะไม่ใส่ใจว่าตนนั้นได้ทำอะไรบ้าง ขณะที่ตนนั้นยังทรงเสื้อผ้าอาภรณ์เต็มยศอยู่ ทั้ง ๆ ที่บทรักก่อนการล่อนจ้อนนั้น ช่างมีความสำคัญต่อการกระตุ้นอารมณ์ในเกมรัก อย่างมาก สาวๆ ปากแข็งหรือจะเป็นคุณหนุ่ม ๆ ปากบอกว่าไม่ .. ไม่ .. ไม่ แต่พอโดนบทเล้าโลมสุดวาบหวิวเข้าไป มีอันต้องระทวยแล้วยอมให้เปลื้องกายเตรียมพร้อมในวันเกิด แต่..ขณะยังมีเสื้อผ้าพันกายนี้ เราจะเล่นรักด้วยวิธีไหนดี

1. ลูบไล้ปลุกอารมณ์

ลองสังเกตดูเถิดค่ะ หลายครั้งสงครามรักระหว่างชายและหญิงเรา มีชนวนเหตุมาจากการลูบนู่นต้องนี่ จนกลายเป็นการหยอกเอินที่เลยเถิดไปถึงการก่ออารมณ์อยากได้ใคร่ดีขึ้นมา แม้จะมีเสื้อผ้าเป็นเกราะกำบังป้องกันการสัมผัสแบบเนื้อแนบเนื้อก็ตาม แต่ใช่ว่าแรงกระแทกและน้ำหนักจากการลูบไล้ไปตามเนื้อผ้าจะสร้างอารมณ์และ เร้าความรู้สึกไม่ได้ ยิ่งหากเป็นจุดอ่อนไหวและบอบบางอย่างตรงเนินหน้าอกของคุณผู้หญิง หรือเป้าลับของคุณผู้ชายด้วยแล้วอะไรก็ฉุดไม่อยู่

2. สูดกลิ่นกายของกันและกัน

เหตุที่ผู้หญิงส่วนใหญ่ต้องพรมน้ำหอมตรงต้นคอ ก็เพราะบริเวณซอกคอของเธอนั้นจะเป็นมุมที่คุณผู้ชายประกบสันจมูกของพวกเขา ได้อย่างลงล็อคพอดิบพอดี เมื่อนั้นกลิ่นน้ำหอมสุดจรุงจมูกก็จะระเหยโชยกลิ่นทิพย์ผ่านเข้ารูจมูกเข้า ไปทำปฏิกิริยากับสมองให้เกิดความรู้สึกว่าอยากเอาจมูกเข้าไปถูไถบริเวณต้น กำเนิดความหอมและสูดมันให้ชื่นจิต จนเป็นที่มาของการไซ้ซอกคอ

3. จี้อารมณ์ที่ต้นคอ

โดยเฉพาะคุณผู้หญิง อย่ามองข้ามความเสี่ยงของพื้นที่ต้นคอของตนเองเป็นอันขาด หากถ้าคุณผู้ชายสามารถเอาจมูกไปจ่อที่ลำคอของคุณได้แล้ว มันก็คล้ายกับการเอามีดมาจี้คอตัวประกันเพราะอย่างไรก็ไม่รอด ระทวยหมดแรงกันมาแล้วแทบทั้งสิ้น จนคุณไม่อยากให้เขาถอนจมูกออกจากต้นคอคุณเลยล่ะ นี่ถ้าไปเจอคนที่เชี่ยวๆ ด้วยแล้ว เขาจะชอนไชจมูกต่ำลงไปตามอวัยวะสุดหวงของคุณแบบไม่แตะต้องด้วยสองมือล่ำ ๆ ของเขา ซึ่งจะสร้างความรู้สึกร้อนรุ่มจนคุณต้องเอ่ยวอนเขาให้จับและจยุ้มมันทั้งใน ร่มผ้านั่นแหละ

4. สำรวจพื้นที่ของกันและกัน

แม้จะมีเสื้อผ้าไม่ว่าจะเป็นชั้นนอกหรือชั้นใน มาเป็นอุปสรรคต่อการเชยชมทางสายตา แต่กลับไม่เป็นปัญหากับการเข้าถึงของมือเลยสักนิด ขณะที่ปากและจมูกของคุณกำลังบันเทิงกับอวัยวะสุดเลิฟของฝ่ายตรงข้ามอยู่นั้น ก็ไม่ควรปล่อยให้มือของคุณต้องเดียวดาย จงหาเพื่อนเล่นคลายเหงาให้กับมัน ถ้าเป็นคุณผู้ชายมือของคุณคงสนุกแบบเต็มไม้เต็มมือกับซาลาเปายักษ์คู่โต หรือถ้าเลื่อนมือต่ำลงมาอีกสักนิดคุณก็จะพบดินแดนเบอร์มิวด้าสามเหลี่ยมพิศวง กระนั้นมือของคุณสาว ๆ ก็สามารถช่วยคุณผู้ชายขุนน้องชายให้โตไว ๆ ได้ แม้ยังนอนสงบอยู่ในกางเกง

5. ลื้มรสปาก

การจูบ เป็นวิธีแสดงความรักพื้นฐานสุดคลาสสิคที่ไม่จำกัดว่าจะต้องกระทำกันแค่ ปากต่อปาก แต่การจูบขณะที่คุณยังไม่อยู่ในเครื่องแบบของการทำรัก อาจจะทำให้ความสามารถในการเข้าถึงของปากและลิ้นนั้นลดลงเพราะมีเส้นใยกัน เปลือยมาเป็นฉากที่คอยกั้นพระเอกออกจากนางเอกสำหรับคุณผู้ชายเอง แม้ปากจะสามารถสัมผัสและรับรู้ได้ว่านั่นคือเนินอก แต่พัตราภรณ์ทั้งข้างนอกและข้างใน ก็ทำให้ความเร้าใจลดลงอย่างเห็นได้ชัด ดังนั้น ถ้าจะให้ได้อารมณ์แบบเต็มร้อยก็ควรบดปากและขยี้ลิ้นลงบริเวณที่เป็นเนื้อ หนังมังสาด้วยกัน อร่อยกว่ากันเยอะ

6. ขยี้เป้าคลึงอารมณ์

อาจจะด้วยเพราะยังไม่ถึงเวลาหรือยังไม่เหมาะด้วยสถานที่ก็ตาม คุณก็เลยใจไม่ถึงพอที่จะถอดผ้าเปลื้องกายเล่นหวิวท้าฟ้ากันไปเลย คู่รักหลายคู่ก็เลยปล่อยอารมณืผ่อนรักกันด้วย วิธีการคลอเคลียแบบเป้าเสียดเป้าส่วนนูนส่วนเว้าแทน ยิ่งไอ้ประเภทมีที่ว่างไม่นั่ง แต่จะต้องนั่งตักกัน ฝ่ายชายก็เลยถือโอกาสเอาน้องหนูของเขาเถลือกไถลสีบั้นท้ายของฝ่ายหญิง แม้จะเป็นสัมผัสที่เกิดจากผ้ากระทบผ้าก็ตาม แต่ส่วนที่ล้นเป้าออกมานั้นมันกลับสร้างความรู้สึกแบบประทับจิตเสียวสันหลัง เวลาแนบชิด

Sunday, September 13, 2009

นอนกรน แก้ไขได้ไม่ใช่เรื่องน่าอาย


นอนกรน เป็นภาวะผิดปกติอย่างหนึ่งของการนอนที่ไม่ควรละเลย เพราะผลกระทบจากการนอนกรนสร้างปัญหาต่อการดำเนินชีวิต และปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพมากมาย
นอนกรน......เกิดได้อย่างไร

อาการนอนกรนนี้ คนปกติสามารถเป็นได้ไหม ??

คำตอบทางการแพทย์ถือว่า การนอนกรนเป็นสิ่งผิดปกติ คนทั่วไปเข้าใจว่าคนมีอายุ อาจนอนกรนบ้างเวลาหลับสนิทและเป็นเรื่องธรรมดา อันนี้ไม่ถูกต้อง แท้ที่จริงแล้ว นอนกรนเป็นอาการที่ชี้บ่งว่าทางเดินหายใจของคนๆ นั้นแคบ เวลาลมหายใจผ่านบริเวณช่องคอตรงที่แคบนั้น จะเกิดการสั่นสะเทือนของเนื้อเยื่อ ทำให้เกิดเป็นเสียงกรน ยิ่งถ้ามีปัญหาแน่นจมูก ต้องอ้าปากเวลานอน จะยิ่งทำให้นอนกรนได้มากขึ้นไปอีก

การนอนกรนมีทั้งประเภทที่อันตราย และไม่เป็น อันตราย ซึ่งมีลักษณะดังนี้

1. ประเภทที่ไม่เป็นอันตราย คือ การกรนที่ทำให้เกิดเสียงรบกวน แต่ไม่ทำให้เกิดผลเสียต่อสุขภาพ กลุ่มนี้มักมีการอุดกั้นทางเดินหายใจเพียงเล็กน้อย

2. ประเภทที่อันตราย เกิดจากการที่มีทางเดินหายใจแคบมากในเวลาหลับ ผู้ป่วยกลุ่มนี้ จะมีเสียงกรนที่ไม่สม่ำเสมอ โดยขณะที่ยังหลับไม่สนิทจะยังเป็นการกรน ที่สม่ำเสมอ แต่เมื่อหลับสนิทจะเกิดการอุดกั้นทางเดินหายใจ มีเสียงกรน ที่ไม่สม่ำเสมอ โดยจะมีช่วงที่กรนเสียงดัง และค่อยสลับกันเป็นช่วงๆ และจะ กรนดังขึ้นเรื่อยๆ และจะมีช่วงหยุดกรนไปชั่วระยะหนึ่ง ซึ่งเป็นในช่วง ที่เกิดการหยุดหายใจ

อันตรายจากการนอนกรนที่มีการหยุดหายใจขณะหลับ

1. ร่างกายอ่อนเพลีย รู้สึกนอนไม่พอ ทำให้เกิดอาการง่วงนอน

2. ไม่มีสมาธิในการทำงาน ความสามารถในการจดจำลดลง หงุดหงิด อารมณ์เสียง่ายกว่าปกติ

3. มีโอกาสเสี่ยงมากขึ้นที่จะเป็นโรคต่างๆ เช่น โรคความดันโลหิตสูง โรคของหลอดเลือดในสมอง โรคหัวใจขาดเลือด (อาจทำให้เสียชีวิตทันที เพราะเกิดภาวะหยุดหายใจในช่วงนอนหลับ ที่ชาวบ้านเรียกว่าไหลตาย)

4. หย่อนสมรรถภาพทางเพศ

การตรวจวินิจฉัยการนอนกรน

1. ตรวจร่างกายโดยแพทย์อย่างละเอียด

2. ตรวจพิเศษในท่านอน โดยกล้องส่องตรวจหลอดลมชนิดอ่อนตัวได้ บริเวณโพรงหลังจมูก ตำแหน่งเพดานอ่อนและโคนลิ้น

3. เอ็กซเรย์ เพื่อหาตำแหน่งที่ตีบแคบของทางเดินหายใจส่วนบน

4. ตรวจ Sleep Test (Polysomnography) เป็นการตรวจ การหายใจสัมพันธ์กับการทำงานของหัวใจและสมองขณะหลับ (ผู้ป่วย จะต้องนอนหลับอย่างน้อย 6-8 ชม. ขณะทำการตรวจ และต้องนอน รับการตรวจในโรงพยาบาล) โดยจะตรวจดูภาวะต่างๆ ดังนี้

- การตรวจดูการทำงานของหัวใจด้วยการตรวจคลื่นหัวใจ ความดันโลหิต ระดับออกซิเจนในหลอดเลือดแดง

- การตรวจคลื่นสมองหาระดับลึกของการหลับ เพื่อดูความผิดปกติ ขณะที่มีการหยุดหายใจ และประสิทธิภาพการนอน

- การตรวจนับจำนวนครั้งของการหายใจ ความถี่และระยะเวลาที่เกิด ภาวะหยุดหายใจ

- การตรวจเสียงกรน ว่ากรนดังค่อยแค่ไหน ตลอดเวลาหรือไม่ กรนขณะนอนท่าไหน

การรักษาการนอนกรน

1. การควบคุมน้ำหนักไม่ให้เกินเกณฑ์ และออกกำลังกายเพื่อให้ ร่างกายและกล้ามเนื้อแข็งแรง

2. หลีกเลี่ยงการนอนหงายโดยพยายามนอนในท่าตะแคงข้าง และนอน ศีรษะสูงเล็กน้อย

3. หลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ หรือยานอนหลับ หรือยา กล่อมประสาทก่อนนอน

4. กรณีที่เป็นการนอนกรนชนิดอันตรายที่มีการหยุดหายใจร่วมด้วย รักษาโดย

- เครื่องช่วยหายใจ CPAP เครื่องครอบจมูกขณะหลับ เพื่อทำให้ หายใจสะดวกขึ้น

- Radiofrequency จี้กระตุ้นให้เพดานอ่อนหดตัวลง โคนลิ้นหด ตัวลง

- การผ่าตัด เอาส่วนที่ยืดยานออก

การโม CD-ROM ให้อ่าน DVD ได้


การโม CD-ROM ให้อ่าน DVD ได้
การที่จะโมดิฟายได้มีอยู่ 2 แบบ คือ เครื่องที่เล่นจะต้องเป็นสเป็ค
24x to 40x
40x or higher
ถ้าต่ำกว่า 24x ไม่สามารถโมได้

การโมดิฟายหัวเลเซอร์
หัวอ่านแทรคของ ซีดีคือ 1.6 micronsและหัวอ่านแทรคของ ดีวีดีคือ 0.8 microns.ความยาวของแทรคของซีดีคคือ 0.843mmและความยาวของแทรคของดีวีดีคือ 0.293mm.และนั้นก็ทำให้รู้ว่าทำไมดีวีดีถึงสามารถเก็บข้อมูลได้มากกว่าซีดี
หลักวำคัญในการทำครั้งนี้ก็คือ เราจะต้องปรับแต่งหัวเลเซอร์ให้สามารถอ่านและใช้ความยาวให้สั้นลงคล้ายดีวีดี. เปิดตัวซีดีรอมไดฟ์ของคุณออกมา คุณจะเห็นเลนซ์หัวเลเซอร์ . ข้างๆหัวเลเซอร์จะมีน๊อตอยู่ ให้คุณปรับแต่งจากตรงนั้น และนี่คือหัวใจสำคัญของการทำครั้งนี้

การปรับแต่งด้วยการหมุนน๊อตครั้งนี้คือการปรับค่าของการอ่านแผ่นดิสต์ของหัวอ่านเลเซอร์.หลังจากที่ทำตามข้างบนที่กล่าวมาแล้ว หัวอ่านเลเซอร์น่าจะอยู่ประมาณน้อยกว่า 0.293mm,ซึ่งสามารถที่จะอ่านแผ่น ดีวีดีได้แล้ว. หลังจากที่คุณได้ทำการหมุนน๊อตไปได้ 2-3 ครั้งแล้ว อาจจะปรากฏข้อความ error บางอย่างเกิดขึ้น ให้คุณจดเก็บเอาไว้ใน case ที่คุณอาจจะลืมว่าได้หมุนไปกี่รอบ

24x to 40x
ดีวีดีรอม สามารถที่จะอ่นแผ่นดีวีดี ได้ที่สปีด 4x แต่ถ้าเราโมดิฟาย 32x ซีดีรอม จะทำให้สปีดสูงขึ้นและร้อนขึ้น ประสิทธิภาพการใช้งานก็สั้นลงด้วย
ดังนั้นคุณจะต้องรู้ว่าควรจะลดสปีดลงในระดับไหน
คนส่วนมากคิดว่าสายไฟจาก power supplieที่นำมาจ่ายไฟตรงหัวจ่ายไฟของตัวซีดีรอม เส้นสีแดง จ่ายไฟ 5vและสีเหลือง 12v. ให้คุณตัด เส้นสีเหลืองออกหรือพันเทปปิดไว้ไม่ใช้.ดังนั้นตอนนี้ไฟที่จะจ่ายไปยังซีดีรอมก็คือ 5v .ดังนั้นสปีดของซีดีรอมที่เราจะได้ก็คือ 32 * 5/17 = 9.41x ซึ่งไม่เกินตามที่เรากำหนดไว้

40x or higher CD ROMs
ปัจจุบัน 40x ซีดีรอมได้ออกมาสู่ท้องตลาดแล้วแล้วส่วนมากโรงงานพวกนี้ก็จะผลิต ดีวีดีรอมไปด้วย ดังนั้น พวกเขาจึงลดค่าใช้จ่ายโดยการใช้แกนกลางของซีดีรอมคล้ายกับดีวีดีรอม แต่กำหนดไม่ให้ใช้ดีวีดีได้ ดังนั้นเราจึงต้องมากำหนดให้ใช้ดีวีดีได้
เปิดตัวซีดีออก จำเห็นแผงวงจรด้านหลัง มองหาจั้มเปอร์ ที่เขียนว่า dvd jump หาตัวจั้มมาใส่หรือใช้สายไฟเส้นเล็กๆมาจั้มก็ได้
นั้นแหล๊ะตอนนี้ ดีวีดี ฟังชั้น ก็ถูกปลดล๊อคแล้ว แต่คุณยังต้องทำการปรับค่าสปีดอยู่ ให้ใช้วิธีข้างบนที่ได้กล่าวมาแล้ว ทำเหมือนเดิม

ข้อควรสังเกตุ

ไดฟ์อาจจะไม่ถูกค้นพบเวลาสตาร์ทเครื่อง นั้นหมายความว่าคุณไม่สามารถใช้ในระบบ dos ได้ แต่เมื่อคุณเข้าวินโดว์ได้แล้ว ไดฟ์นี้ก็ทำงานตามปกติ

ไดฟ์ยังสามารถอ่านโค๊ด region ได้ไม่มีปัญหา

แต่ไดฟ์ไม่สามารถอ่าน แผ่นDVD9 ได้ นั้นหมายความว่าคุณแค่สามารถดูดีวีดีแบบปกติธรรมดาได้เท่านั้น


ต้องลองครับ ผมไปเจอมาจึงนำมาฝาก

Thursday, September 10, 2009

สูตรหน้าใส


สูตรหน้าใส

1. สูตรเพิ่มความสดชื่นเปล่งปลั่งให้กับผิวหน้า
ให้ท่านล้างหน้าด้วยน้ำอุ่นจนสะอาด จากนั้นนำแอปเปิ้ลที่ยังไม่ปลอกเปลือกครึ่งผลมาปั่นพอละเอียด แล้วนำมาพอกหน้าเว้นเปลือกตา ทิ้งไว้ประมาณ 25 นาที แล้วล้างออก

2. สูตรลดริ้วรอย ทำให้หน้านวลใส
ให้นำแอปเปิ้ลครึ่งผลมาปั่นพอละเอียด จากนั้นก็มะนาวมาคั้นเอาแต่น้ำประมาณ 1 ช้อนชาใส่ลงไป แล้วผสมให้เข้ากัน จากนั้นนำมาพอกให้ทั่วหน้า เว้นบริเวณรอบดวงตาไว้ ทิ้งไว้ 10 นาที แล้วล้างออก

3. สูตรหน้าเด้ง ไม่หยาบกร้าน
นำโยเกิร์ต 3 ช้อนโต๊ะมาผสมกับมะเขือเทศลูกเล็ก ๆ ประมาณ 3 ลูก ปั่นโยเกิร์ตกับมะเขือเทศพอละเอียด แล้วนำมาพอกหน้าให้ทั่ว โดยเว้นรอบดวงตา ทิ้งไว้ 15 นาที แล้วล้างออก

4. สูตรขัดหน้าขาว และลดริ้วรอยหมองคล้ำ
นำโยเกิร์ต 1 ถ้วย แล้วผสมกับเกลือป่นละเอียด 1 ช้อนโต๊ะผสมให้เข้ากัน นำมาพอกให้ทั่วใบหน้า แล้วขัด ๆ ถู ๆ ให้ทั่ว ขัด 5 นาที ทิ้งไว้อีก 5 นาที แล้วล้างออก ทำเดือนละครั้งกำลังดี คล้ายๆ กับการสครับหน้านั้นเอง

สูตรลับหน้าขาว


สูตรลับหน้าขาว

ส่วนผสมมีดังนี้

1.มะขามเปียก
2.นมสด
3.น้ำผึ้ง

วิธีทำ - ผสมน้ำมะขามเปียก นมสด และน้ำผึ้ง (ใส่นมสด และน้ำผึ้งแค่ครึ่งหนึ่งของน้ำมะขามเปียก) จากนั้นตั้งไฟอ่อนๆ คนให้เข้ากัน ทิ้งไว้ให้เย็น เป็นอันว่าเสร็จแล้วค่ะ

วิธีเก็บรักษา - ใส่ในภาชนะที่มีฝาปิดแล้วแช่ในตู้เย็น สามารถ เก็บไว้ได้นานเท่าที่ต้องการเลยค่ะ

วิธีใช้ - ล้างหน้าด้วยน้ำเปล่า เช็ดให้แห้ง แล้วทาครีมมะขามเปียกให้ทั่วใบหน้าและลำคอ ทิ้งไว้ประมาณ 20-30 นาที หรือนานเท่าใดก็ได้ ตามใจผู้ใช้ แล้วล้างออกตามปกติ

ข้อควรระวัง - หลีกเลี่ยงการทาบริเวณดวงตา เพราะอาจจะทำให้ระคายเคืองได้

ข้อพึงกระทำ - ถ้าต้องการให้ได้ประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ควรทาครีมมะขามเปียกในขณะที่ครีมเย็น หรือเพื่งจะเอาครีมออกจากตู้เย็น เพราะความเย็นจะทำให้รูขุมขนเล็กลง ผิวหน้าก็จะเรียบขึ้นค่ะ

สูตรผิวขาวใส


ส่วนผสม 1.ไข่ไก่2-3ใบ(เอาแต่ไข่แดงนะ) 2.มะนาว2ช้อนชา
วิธีทำ นำไข่แดงมาผสมกับน้ำมะนาวตีให้เข้ากันทาทิ้งไว้5-10น.
ทาครีมบำรุงเพื่อให้ผิวหน้าชุ่มชื่นด้วยจ้า
ทอาทิตย์ละ2ครั้ง

************************
สูตรที่3.

ส่วนผสม 1.หัวไซเท้า
วิธีทำ ปอกเปลือกหัวไซเท้าแล้วล้างออก ฝานบางเฉียบแล้ววางลงบนใบหน้า
ทิ้งไว้ 15น.ล้างออกด้วยน้ำสะอาดทำอาทิตย์ละ 2ครั้ง

**************************
สูตรที่4.
ส่วนผสม 1.แอปเปิ้ลแดง(ไม่ปอกเปลือก) 2.นมสด
วิธีทำ นำส่วนผสมทั้ง2อย่างมารวมกันดูปริมาณที่สมดุลกัน
แล้วนำมาทาหน้าทิ้งไว้ 2. น.แล้วล้างออก
ทำอ่ทิตย์ละ2-3ครั้ง

****************************
สูตรที่5.
ส่วนผสม 1.มะเชือเทศ 2.แตงกวา
วิธีทำ นำมะเขือเทศมาบดให้ละเอียดแล้วมาทาบนใบหน้า เอาแตงกวามาแปะตาไว้จะได้ไม่เป็นหมีแพนด้า

สูตรแก้ปัญหาหน้ามัน


วิธีนี้แสนจะง่ายและปราศจากผลข้างเคียง ลองมาทำกันดูนะคะ

1. นำสตรอเบอร์รี่ 2 ลูกล้างให้สะอาด แตงกวา 1 ลูกล้างให้สะอาด

2. นำมาใส่เครื่องปั่นผสมกันให้ละเอียด

3. แล้วนำมาพอกหน้า เว้นบริเวณรอบดวงตาและรอบปาก ประมาณ

20 นาที

4. เสร็จแล้วก็ล้างออกด้วยน้ำอุ่นๆ

ลดน้ำหนัก 9 กิโลกรัม ภายใน 1 สัปดาห์


สูตรพระราชทานของสมเด็จพระเทพ

ลดน้ำหนัก 9 กิโลกรัม ภายใน 1 สัปดาห์
ก่อนอาหารต้องดื่มน้ำอย่างน้อย 2 แก้ว งดน้ำตาล น้ำมันหมู แอลกอฮอล ของทอดทุกชนิด
วันที 1
เช้า น้ำผลไม้คั้น หรือโยเกิร์ต 1 ถ้วย
กลางวัน ไข่ต้ม 2 ฟอง
เย็น สลัดผัก
วันที 2
เช้า น้ำผลไม้คั้น หรือโยเกิร์ต 1 ถ้วย
กลางวัน ไข่ต้ม 2 ฟอง
เย็น สลัดผัก
วันที 3
เช้า กาแฟไม่ใส่น้ำตาล หรือโยเกิร์ต 1 ถ้วย
กลางวัน เกาเหลาลูกชั้น 1 ชาม(หมู, เนื้อ)
เย็น สลัดผัก
วันที 4
เช้า น้ำผลไม้คั้น หรือกาแฟดำและขนมปัง 1 แผ่น
กลางวัน สลัดผัก และไก่ยาง 1 ชิ้น
เย็น โยเกิร์ต 1 ถ้วย
วันที 5
เช้า น้ำผลไม้คั้น หรือกาแฟไม่ใส่น้ำตาล 1
กลางวัน ส้มตำ และไก่ย่าง 1 ชิ้น
เย็น สลัดผัก
วันที 6
เช้า น้ำผลไม้คั้น หรือกาแฟไม่ใส่น้ำตาล 1 ถ้วย
กลางวัน ปลานึ่ง หรือ ปลาเผา ไม่จำกัด
เย็น สลัดผัก
วันที 7
เช้า ข้าว 1 ทัพพี และเนื้อ 1 ชิ้น หรือไข่ต้ม 1ฟอง
กลางวัน เกาเหลาลูกชั้น 1 ชาม (หมู, เนื้อ)
เย็น สับปะรด 1 ชิ้น
------------------------------------------------------------------------------------------------- โครงการควบคุมอาหาร 13 วัน
จุดประสงค์ โครงการนี้ เพื่อปรับปรุงการเผาผลาญอาหารของร่างกายหลังจากครบ 13 วันแลัวจะรับประทานอาหารได้ตามปกติ น้ำหนักจะไม่ขึ้นเป็นเวลา 2 ปี
ข้อสำคัญ
หากทำตามตารางนี้ อย่างเคร่งครัดจะลดน้ำหนักได้ ประมาณ 7 20 กิโลกรัม ปริมาณอาหารในช่วงควบคุมจะไม่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย แต่ท่านไม่ต้องกังวลว่าจะทำให้เสียสุขภาพ เพราะส่วนที่ขาดภายในร่างกายจะทำปฏิกิริยาการเผาผลาญไขมันที่สะสมไว้ตามร่างกายมาใช้เป็นพลังงานทดแทน
ระยะเวลา 13 วันนี้ ห้ามดื่มเบียร์ ไวน์ สุรา ขนมหวาน หมากฝรั่ง ลูกอม หรืออาหารอื่นๆแม้เพียงเล็กน้อยการควบคุมอาหารครั้งนี้จะไม่บังเกิดผลใดๆเลย และถ้าจะเริ่มต้นใหม่ต้องทำกระทำหลังจาก 3เดือนไปแล้ว
ขอแสดงความยินดีกับทุกท่านที่สามารถควบคุมได้ครบ 13 วัน ท่านจะเป็นผู้ที่มีรูปร่างสมส่วนตามที่ต้องการ และถ้าต้องการควบคุมอีกต้องหลังจาก 1 ปี ไปแล้ว แต่ถ้าเลย 2 ปีไปแล้วจะดีที่สุด
ข้อแนะนำ หากคุณรู้สึกหิวนอกเหนือจากเวลาที่กำหนดให้ดื่มน้ำมากๆห้ามดื่มหรือทานอาหารอย่างอื่นแทน
หมายเหตุ
- ผักต้มถ้าใช้ผักขมไทยได้จะดี (ใช้ผักกาดขาวหรือกวางตุ้งแทนได้ )
- มะเขือเทศผลใหญ่ 1 ผล ถ้าผลเล็กใช้ 3ผล
- เนื้อไก่อบ ใช้เนื้อสันหรือเนื้อหน้าอกไม่ติดหนัง 2 ขีด
- ผักสลัดใช้ผักกาดหอม 1 ต้นเล็ก หอมใหญ่ 1 หัว แตงกวา 2 ลูกหั่นรวมได้ผัก 1 จาน
- น้ำสลัดใส ใช้ 1 ถ้วย ( 3-4 ช้อนโต๊ะ หรือใช้น้ำสลัดน้ำข้นแทนก็ได้ )
- น้ำมะนาวใช้มะนาวสด 1-2 ผล ชงน้ำร้อนใส่เกลือ ใส่น้ำแข็งดื่มได้
- โยเกิร์ตถ้ามีรสจืดจะดีมาก ถ้าหาไม่ได้เลือกตามรสที่ชอบ
- ผลไม้สด 1 ผล เช่น แอปเปิ้ล ชมพู่ มะม่วง ส้มเขียวหวาน กล้วย
- ใช้ปลาช่อนแทนปลากระพงก็ได้
- น้ำเปล่าดื่มได้ทั้งวัน วันละ 2 3 ลิตร
นอกเหนือจากรายการอาหารนี้ถ้าหิวให้ดื่มน้ำเปล่าแทนได้อย่างเดียว
เอาชนะตัวเอง ถือว่าเป็นเลิศ
( เอาชนะความหิว หิวแล้วไม่ตาย )
สูตร 13 วัน ลด 13 กิโลกรัม
วันที่ 1
อาหารเช้า - กาแฟดำ 1 ถ้วย (น้ำตาล 1ก้อน)
อาหารเที่ยง - ไข่ต้มแข็ง 2 ฟอง ผักกาดต้ม 3ขีด มะเขือเทศ 1ผล
อาหารเย็น - เนื้อไก่อบ 2 ขีด ผักสลัดน้ำใส น้ำมะนาว
วันที่ 2
อาหารเช้า - กาแฟดำ 1 ถ้วย (น้ำตาล 1ก้อน)
อาหารเที่ยง - เนื้อหมูอบ 2.5 ขีด โยโกิร์ต 1 ถ้วย
อาหารเย็น - เนื้อไก่อบ 2 ขีด ผักสลัดน้ำใส น้ำมะนาว ผลไม้สด 1 ผล
วันที่ 3
อาหารเช้า - กาแฟดำ 1 ถ้วย (น้ำตาล 1ก้อน) ขนมปังปิ้ง 1 แผ่น
อาหารเที่ยง - ไข่ต้มแข็ง 2 ฟอง เนื้อหมูอบ 1 ขีด ผักสลัดน้ำใส น้ำมะนาว
อาหารเย็น - คื่นไช่ต้มสุก 3 ขีด มะเขือเทศ 1ผล ผลไม้สด 1 ผล
วันที่ 4
อาหารเช้า - กาแฟดำ 1 ถ้วย (น้ำตาล 1ก้อน) ขนมปังปิ้ง 1 แผ่น
อาหารเที่ยง - น้ำส้มคั้น 1แก้ว โยโกิร์ต 1 ถ้วย
อาหารเย็น - ไข่ต้มแข็ง 1 ฟอง แครอทสด 1 หัว นมรสจืด 1 กล่อง
วันที่ 5
อาหารเช้า - แครอทสด 1 หัว ราดด้วยน้ำมะนาว ( ส้มตำ )
อาหารเที่ยง - เนื้อปลากะพงนึ่ง 2 ขีด
อาหารเย็น - เนื้อไก่อบ 2 ขีด ผักสลัดน้ำใส
วันที่ 6
อาหารเช้า - กาแฟดำ 1 ถ้วย (น้ำตาล 1ก้อน) ขนมปังปิ้ง 1 แผ่น
อาหารเที่ยง - ไข่ต้มแข็ง 2 ฟอง แครอทสด 1 หัว
อาหารเย็น - เนื้อไก่อบ 2 ขีด ผักสลัดน้ำใส น้ำมะนาว
วันที่ 7
อาหารเช้า - ชา 1 ถ้วย ไม่ใส่น้ำตาล ขนมปังปิ้ง 1 แผ่น
อาหารเที่ยง - น้ำเปล่าอย่างเดียว
อาหารเย็น - เนื้อหมูอบ 2 ขีด ผลไม้สด 1 ผล
วันที่ 8
อาหารเช้า - กาแฟดำ 1 ถ้วย (น้ำตาล 1ก้อน)
อาหารเที่ยง - ไข่ต้มแข็ง 2 ฟอง ผักกาดต้ม 3 ขีด มะเขือเทศ 1ผล
อาหารเย็น - เนื้อไก่อบ 2 ขีด ผักสลัดน้ำใส น้ำมะนาว
วันที่ 9
อาหารเช้า - กาแฟดำ 1 ถ้วย (น้ำตาล 1ก้อน)
อาหารเที่ยง - เนื้อหมูอบ 2 ขีด โยโกิร์ต 1 ถ้วย
อาหารเย็น - เนื้อไก่อบ 2 ขีด ผักสลัดน้ำใส น้ำมะนาว
วันที่ 10
อาหารเช้า - กาแฟดำ 1 ถ้วย ( ไม่ใส่น้ำตาล ) ขนมปังปิ้ง 1 แผ่น
อาหารเที่ยง - ไข่ต้มแข็ง 2 ฟอง เนื้อหมูอบ 1 ขีด ผักสลัดน้ำใส น้ำมะนาว
อาหารเย็น - คื่นไช่ต้มสุก 3 ขีด มะเขือเทศ 1ผล ผลไม้สด 1 ผล
วันที่ 11
อาหารเช้า - กาแฟดำ 1 ถ้วย (น้ำตาล 1ก้อน) ขนมปังปิ้ง 1 แผ่น
อาหารเที่ยง - น้ำส้มคั้น 1แก้ว โยโกิร์ต 1 ถ้วย
อาหารเย็น - ไข่ต้มแข็ง 1 ฟอง แครอทสด 1 หัว นมรสจืด 1 กล่อง
วันที่ 12
อาหารเช้า - แครอทสด 1 หัว ราดด้วยน้ำมะนาว
อาหารเที่ยง - เนื้อปลากะพงนึ่ง 2 ขีด ( นึ่งด้วยน้ำมะนาว ใส่คื่นไช่ 1 ต้น )
อาหารเย็น - เนื้อไก่อบ 2 ขีด ผักสลัดน้ำใส
วันที่ 13
อาหารเช้า - กาแฟดำ 1 ถ้วย (น้ำตาล 1ก้อน) ขนมปังปิ้ง 1 แผ่น
อาหารเที่ยง - ไข่ต้มแข็ง 2 ฟอง แครอทสด 1 หัว
อาหารเย็น - เนื้อไก่อบ 2 ขีด ผักสลัดน้ำใส น้ำมะนาว

Saturday, August 1, 2009

เทคนิคการล้างหน้าที่ถูกวิธี


เทคนิคการล้างหน้าที่ถูกวิธีเป็นอีกเคล็ดลับหนึ่งที่จะให้คุณผิวสวย แต่รู้ไหมคะว่าควรจะล้างหน้าวันละกี่รอบ? รอบละกี่ครั้ง? ล้างอย่างไรถูซ้ายไปขวาหรือล่างขึ้นบน? ล้างด้วยสบู่หรือเจลหรือโฟมล้างหน้ากันดี? มีคำตอบเพื่อหน้าใสอยู่ทางนี้ค่ะ

เริ่มที่การล้างหน้าเพียงวันละ 2 ครั้งก็เพียงพอค่ะ ตื่นนอนตอนเช้าและอาบน้ำตอนเย็นก็เพียงพอ ไม่ควรล้างหน้าบ่อยครั้งเกินไปเพราะจะทำให้ผิวแห้ง ลอกได้ กรณีที่ผิวของคุณสกปรกจริง ๆ เช่น หลังเล่นกีฬา ทำสวน ทำไร่ ปลูกต้นไม้ หรือคุมงานก่อสร้าง ซ่อมแซมบ้าน ก็อาจจะเพิ่มการล้างหน้ารอบพิเศษอีกสักครั้งได้

ที่สำคัญ อย่าใช้น้ำอุ่นหรือน้ำร้อนล้างหน้านะคะเพราะจะทำให้ผิวแห้งและแลดูเหี่ยว ๆ อีกต่างหาก เวลาล้างก็ขอแค่ลูบไล้แต่เบามือ ไม่เช็ด ไม่ถู ถ้าใช้คลีนเซอร์หรือเอ็กซเทอร์นอลเช็ดหน้ากันตลบจนเกลี้ยงเกลา คงต้องเลิกนะคะเพราะจะทำให้ผิวถลอกลอกได้

คุณทราบไหมว่าชั้นขี้ไคลก็คือชั้นหนังกำพร้าที่เกาะติดอยู่บนผิวหนังชั้นบนควบคู่ไปกับชั้นน้ำมันเคลือบผิว ทั้งขี้ไคล ทั้งน้ำมันไม่ใช่สิ่งสกปรกอย่างที่ใคร ๆ เข้าใจผิดนะคะ หากแต่เป็นเกราะที่คอยคุ้มครองปกป้องผิวหน้าจากฝุ่นละออง เชื้อโรคและสารเคมีไม่ให้ซึมผ่านลงไปทำร้ายผิว

หากคุณเช็ดถู ล้างหน้าจนเกลี้ยง ชั้นน้ำมัน ชั้นขี้ไคลก็ไม่เหลือ ผิวหน้าของคุณก็ดั่งปราศจากเกราะ ขาดภูมิคุ้มกันตามธรรมชาติ เราจะพบว่าคนที่ล้างหน้าบ่อย ๆ ใช้น้ำยา ใช้โทนเนอร์เช็ดหน้า มักจะมีปัญหาผิวแห้ง ผิวแพ้ง่าย กลายเป็นผิวบอบบางโดนอะไรนิด อะไรหน่อยก็แพ้เป็นผื่นหรือคันได้

วิธีแก้ผิวแพ้ง่าย ให้ใช้มาตรการ “ยุ่งกับผิวให้น้อยที่สุด” แล้วจะหายเองค่ะ แต่ถ้าคุณแต่งหน้า มีเครื่องสำอางค์รองพื้นเต็มใบหน้า หากเครื่องสำอางค์ไม่ได้กันน้ำ คุณก็สามารถเลือกใช้สบู่เจลใสอ่อน ๆ ของเบบี้หรือของผู้ใหญ่ก็ใช้ได้ เลือกประเภทที่ไม่มีฟอง ไม่มีน้ำหอมจะได้ไม่ระคายเคืองขึ้นมาอีก

เวลาล้างก็แค่เอาน้ำลูบ ไล้ ๆ เจลใสหรือโฟมที่ไม่มีฟองเหล่านี้เบา ๆ ทั่วหน้าแล้วล้างออกด้วยน้ำเปล่าอย่างเบามือ แค่นี้ก็สะอาดแล้วล่ะค่ะ

หลังล้างหน้าให้ซับเบา ๆ ไม่เช็ด ไม่ถู ผิวจะได้ไม่หยาบกร้านและไม่ต้องใช้โทนเนอร์เช็ดหน้าหรอกนะคะ หากล้างหน้าเสร็จแล้ว คุณรู้สึกลื่น ๆ เหมือนไม่เกลี้ยง ซับหน้าเบา ๆ ด้วยผ้าขนหนู ไม่ต้องไปวิตกจริตว่ามันจะลงไปอุดตันทำให้เกิดสิวหรอกนะคะ ถ้าจะเป็นสิวก็เป็นเรื่องธรรมชาติที่เกิดจากฮอร์โมนเพศในตัวคุณเอง

โดยธรรมชาติ ผิวหนังกำพร้าของคนเราจะหลุดลอกออกมาเองทุกวัน ก็จะพาเอาแป้ง เอาฝุ่นให้หลุดลอกออกมาด้วย ไม่ต้องออกแรงถู ไม่ต้องเสียเงินซื้อคลีนเซอร์ โทนเนอร์ ชุดล้างหน้าแพง ๆ มาใช้หรอกนะคะ เสียดายเงิน สงสารประเทศไทยกันบ้าง ต้องเสียเงินออกนอกประเทศไปกับเครื่องสำอางค์แพง ๆ เหล่านี้

คุณจะใช้สบู่เหลวของเด็กขวดละ 70 บาทหรือชุดล้างหน้าสุดหรูยี่ห้อดังชุดละ 7,000 บาท หน้าก็สะอาดใสได้เท่ากันค่ะ ที่เคยผิดพลาดกันมานานก็ถือว่าแล้วกันไป ถือเป็นความผิดโดยสุจริตก็แล้วกันนะคะ

โดยสรุปแล้ว ให้ล้างหน้าเบา ๆ เช้าครั้งเย็นหน ใช้สบู่เหลว เจลใสหรือโฟมไร้ฟอง ลูบไล้เบา ๆ เอาแค่พอลื่น ๆ ไม่ต้องสะอาดเอี่ยมอ่องนะคะ แล้วก็ซับหน้าเบา ๆ ไม่ต้องเช็ด ไม่ต้องถู อะไรที่เคยใช้เช็ด ๆ ถู ๆ ผิวหน้า กลับบ้านไปโยนทิ้งได้เลยค่ะ
ที่มา : พญ.พักตร์พิไล ทวีสิน
สทำอย่างไรกันนะ
ต่อต้านริ้วรอย
สำหรับใบหน้าและลำคอ คุณควรใช้มาส์กบำรุงผิวหน้าที่มีส่วนผสมของเรตินอล วิตามิน สารสกัดจากไวน์แดงหรือโปรตีนจากข้าวสาลีและคอลลาเจน ที่จะช่วยบำรุงและยกกระชับผิว เพราะหากผิวเมื่อยล้าย่อมแสดงว่าผิวของคุณสูญเสียคอลลาเจน ผิวบางลงและมีอีลาสตินน้อยลง ก่อให้เกิดริ้วรอยยับย่น เมื่อผิวหน้าคุณเมื่อยล้าจึงเป็นการเตือนให้คุณหันมาเอาใจใส่ผิวด้วยการใช้ครีมกระชับผิวหรือมาส์กหน้ากระชับผิวสัปดาห์ละครั้ง

การทำความสะอาด
สำหรับผู้ที่มีผิวหน้าบอบบาง ควรมาส์กทำความสะอาดผิวหน้าสัปดาห์ละหนึ่งครั้ง ส่วนผู้ที่มีผิวผสมควรใช้ผลิตภัณฑ์มาส์กหน้าที่มีส่วนผสมของแร่ธาตุต่างๆหรือน้ำมันขิง เป็นการทำความสะอาดผิวได้ลึกถึงรูขุมขน สามารถขจัดและดูดไขมันส่วนเกินออกจากใบหน้า

ให้ความชุ่มชื้นกับผิว
การมาส์กหน้าให้กระปรี้กระเปร่าและเติมความชุ่มชื้นให้กับผิวหน้า ควรเป็นครีมหรือโฟมที่มีส่วนผสมของสารสกัดจากทะเล หน่อไม้ แตงกวา น้ำมันโจโจบา จะช่วยสมานผิวที่แห้งเป็นริ้วรอยให้ชุ่มชื้นและคลายตัวจากรอยย่นเล็กๆ

เผยผิวใส
ผิวอ่อนๆอย่างเช่นผิวของวัยรุ่นมักเกิดสิวบ่อยและอักเสบ จึงต้องการการดูแลเป็นพิเศษด้วยการมาส์กหน้าสัปดาห์ละ 1 - 2 ครั้ง ด้วยผลิตภัณฑ์มาส์กหน้าที่มีส่วนผสมของดินสีเขียว ดินโคลน พืชพรรณธรรมชาติ เช่น อะโวคาโด และสารสกัดจากสมุนไพร หรือดินคาโอลิน จะทำให้ผิวหน้าเนียนเรียบไม่มันเยิ้ม

กำจัดผิวตายด้านและตกสะเก็ด
หากส่องกระจกแล้วเห็นใบหน้าตัวเองซีดเซียวไม่มีชีวิตชีวา แถมยังแห้งกร้านไม่น่าดู ก็แสดงว่ามีผิวตายด้านตกสะเก็ดเกาะติดที่ใบหน้า ดังนั้นคุณจึงควรกำจัดผิวตายด้านเหล่านี้ ด้วยการใช้เจลมาส์กหน้า ซึ่งเป็นฟิล์มใส ทิ้งไว้ 15 - 20 นาที แล้วจึงค่อยๆลอกออกจากล่างขึ้นบน

การดูแลบำรุงผิวหน้าสม่ำเสมอ
ผิวหน้าของคนเราต้องการการเอาใจใส่เป็นพิเศษ คุณจึงควรดูแลผิวหน้าคุณสม่ำเสมอ เช่น หากผิวแห้งก็ใช้ครีมมาส์กที่ให้ความชุ่มชื้น หรือผลิตภัณฑ์มาส์กหน้าอื่นๆที่เหมาะกับผิวของคุณ เพื่อให้ผิวหน้าผ่อนคลาย เติมพลังงานให้กับผิว ขจัดสารตกค้างบนผิวหน้า จะช่วยให้ผิวหน้าอ่อนเยาว์
น้ำมันหรือน้ำดอกกุหลาบจะทำให้ผิวหน้าเต่งตึง โคเอนไซม์คิว 10 และวิตามินอีจะทำให้ผิวหน้าคุณเรียบเนียน ควรมาส์กหน้าสัปดาห์ละหนึ่งครั้ง

วิธีกำจัดมันมีมากมายแล้วแต่ความพอใจว่าจะกำจัดแบบใดแต่ว่ามันมีผล เสียตามมามากก็อย่างเช่น
การโกน
มันจะงอกใหม่ภายใน 2-3 วันตอนมันงอกใหม่นะ คันอย่าบอกใครเชียว
ตอนที่ขึ้นใหม่จะหยาบหรือกระด้างขึ้นระวังจะโกนเข้าเนื้อ หรือ Razor Burn
ใช้มีดโกนใหม่ ทำความสะอาดหลังโกนทุกครั้ง ใช้โลชั่นหรือครีมสำหรับโกน
แต่ถ้าไม่อยากให้มีขนคุดก็ลืมวิธีนี้ได้เลย
การถอน
มันขึ้นใหม่เร็ว มันเจ็บมาก ๆ ขึ้นใหม่ยาวกว่าเดิมอีก โอ้ว..
การเล็ม
ใช้กรรไกรเล็มให้เข้ารูปเข้าร่างก็พอ จะทำเองหรือให้แฟนทำก็ได้ อู้..
การแวกซ์
มันจะขึ้นหลังจากแวกซ์ 2-3 สัปดาห์เวลาทำมันเจ็บมาก ๆ จำนวนขนจะขึ้นน้อยลงในแต่ละครั้งที่ทำมีค่าใข้จ่ายก็ทำที่บ้านได้ แต่ถ้าไม่เจ๋งจริงก็ให้ผู้เชี่ยวชาญเขากำจัดดีกว่า
ยากำจัดขน
ทำได้บริเวณ Bikini Line เท่านั้นดูให้แน่ใจว่าผลิตภัณฑ์นั้นมีลบอกไว้ชัดเจนว่าปลอดภัยสำหรับใช้บริเวณ
"Bikini Area"
ควรทดสอบผลิตภัณฑ์บนพื้นที่เล็ก ๆ แล้วรอ 24 ชั่วโมงก่อนใช้จริงไม่แพงมากทำได้ที่บ้านเฮอ.... เข้าเรื่องเลย ละกัน จากที่ข่าวเมื่อไวๆนี้มีข่าวว่า ซื้อยาสระผมมาแล้วมาใช้ผมร่วง วันนี้Funny ขอนำเสนอ ยาสระผมแบบใหม่ แต่มีข้อแม้ ว่า ต้องใช้แบบประยุกต์ให้ถูกที่นะครับ

Friday, July 31, 2009

อย.แนะวิธีทำเจลล้างมือใช้เอง



นพ.พิพัฒน์ ยิ่งเสรี เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เปิดเผยว่า การล้างมือบ่อยๆ เพื่อลดการแพร่กระจายของเชื้อโรค เป็นวิธีที่ดีที่สุด โดยใช้สบู่เหลวหรือสบู่ก้อนกับน้ำก็สามารถล้างได้อย่างหมดจด สำหรับกรณีที่ไม่สะดวกใช้น้ำ เช่น เดินทาง หรือไปในที่ที่ไม่สะดวกล้างมือด้วยน้ำ ก็สามารถใช้เจลล้างมือชนิดไม่ใช้น้ำเป็นทางเลือกเสริมได้

นพ.พิพัฒน์ กล่าวต่อว่า หากต้องการใช้เจลล้างมือชนิดไม่ใช้น้ำในปริมาณมาก เช่น สมาชิกครอบครัวขนาดใหญ่ หรือสำนักงานและโรงงานที่มีคนงานจำนวนมาก เพื่อเป็นการประหยัดก็สามารถทำเองได้ง่ายๆ โดย เตรียมอุปกรณ์ สารเคมี ดังนี้

อุปกรณ์

ถัง หม้อสแตนเลส หรือพลาสติก ขนาดบรรจุ 1.5 ลิตร ไม้พาย ถ้วยตวงขนาดบรรจุ 1 ลิตร (1,000 มล.)

สารเคมี

เอธิลแอลกอฮอล์ ปริมาณ 740 มล. กลีเซอรีน 10 มล. น้ำ 245 มล. น้ำหอม 5 มล.

วิธีการผสม เตรียมสารละลายน้ำหอม

1. ตวงเอธิลแอลกอฮอล์ ปริมาณ 40 มล. โดยใช้ถ้วยตวงที่เตรียมไว้
2. เติมน้ำหอม ปริมาณ 5 มล. ลงไป
3. เติมกลีเซอรีน ปริมาณ 10 มล. ลงไป
4. กวนด้วยพายจนสารผสมเข้ากันดี ได้สารละลายใส

การผสมผลิตภัณฑ์นำเอธิลแอลกอฮอล์ที่เหลือ ปริมาณ 700 มล. ใส่ในถัง หม้อสแตนเลส หรือพลาสติก ขนาดบรรจุ 1.5 ลิตร เติมสารละลายน้ำหอมที่เตรียมไว้ลงไป กวนด้วยพายจนสารผสมเข้ากันดี จากนั้นเติมน้ำ ปริมาณ 245 มล. ลงไป กวนด้วยพายจนสารผสมเข้ากันได้

วิธีการง่ายๆ เท่านี้ ก็จะได้เจลล้างมือไปใช้เองในราคาที่ประหยัดอีกด้วย

ที่มา : http://www.vcharkarn.com/varticle/39099

วิธีลดพุงแบบ ..ด่วน!!


ถ้าคุณรู้สึกอึดอัดหน้าท้อง จนแทบจะใส่ยีนส์ตัวโปรดของคุณไม่ได้ นี่เป็นเทคนิคเล็ก ๆ ที่ช่วยคุณลดหน้าท้องแบบเร่งด่วน
1. ขยับเขยื้อนตัวให้บ่อยที่สุด
อย่ามัวนั่งจุ้มปุ้กอยู่บนโซฟาหรือนอนแกร่วบนเตียง เพราะจะทำให้คุณอึดอัดมากขึ้น การขยับตัว เดินไปเดินมาในบ้านหรือเดินขึ้นลงบันได จะช่วยเผาผลาญไขมันได้มากขึ้น
2. ดื่มชา
ค่อย ๆ จิบชา ก็พอช่วยได้ เพราะในชา มีสารที่มีคุณสมบัติในการขับน้ำส่วนเกินออกมาจึงช่วยทำให้กระเพาะหดตัวลง
3. งดอาหารเค็มหรืออาหารที่มีเกลือ
เกลือทำให้หน้าท้องคุณป่องได้ เพราะความเค็มของเกลือจะเป็นตัวกักเก็บน้ำส่วนเกินไว้ จึง ทำให้รู้สึกอึดอัดแถวๆหน้าท้อง
4.ทานอาหารมื้อเล็ก ๆ
แบ่งอาหาร 1 มื้อ เป็น 2 มื้อ และเน้นอาหารแคลอรี่ต่ำ เช่น โยเกิร์ตพร่องไขมัน ผักสด หรือผลไม้ อาจทานทุก 2-3 ชั่วโมง แต่เป็นจานเล็ก ๆ แทน

Thursday, July 23, 2009

การดื่มน้ำที่ดี


วารสารทางการแพทย์บอกว่าเมื่อตื่นนอนตอนเช้า ความเข้มของโลหิตยังสูงและมี
ผลต่อระบบ ความดันโลหิตในร่างกาย แพทย์แนะนำว่าทันทีที่ตื่นนอนให้ดื่มน้ำ
ทันทีหนึ่งแก้ว เพื่อลดความเข้มของโลหิต พวกเราลองดูละกัน อีกอย่างที่พบมาก็
คือ ท่านพุทธทาสก็ทำแบบนี้เหมือนกัน
เมื่อเร็วๆ นี้มีคนมากมายส่งเสริมวิธีดื่มน้ำเพื่อให้ร่างกายมีสุขภาพ
สมบูรณ์
นี่เป็นแบบนิยมอันดีงามอย่างหนึ่ง ชีวิตที่ดำรงอยู่ได้นอกจากอากาศที่บริสุทธิ์ก็คือ
น้ำน้ำหนักตัวของคนเรา 2 ใน 3 ส่วนเป็นน้ำจึงมีคนว่าคนประกอบด้วย
น้ำอันที่จริงน้ำสามารถปรับอุณหภูมิในร่างกายของคนได้สามารถทำให้ไต
ทำงานเป็นปกติขับถ่ายสิ่งโสโครกให้ออกจากร่างกายได้
นายแพทย์แนะนำบ่อยๆ ว่าดื่มน้ำให้มากทุกๆ วัน
วิธีดื่มน้ำรักษาโรคต่างๆ ตามที่ได้ทดสอบมาแล้วได้ผลดีตื่นเช้าลุกขึ้น ไม่ล้างหน้า
ไม่บ้วนปาก แล้วดื่มน้ำสุก 5 แก้ว (ขวดวิสกี้บรรจุได้ 3 แก้ว) หรือน้ำหนักของน้ำ
1.26 ก.ก.เท่ากับ 5 แก้วรวดเดียว จะรู้สึกหายใจเหนื่อยอึดอัดไปหน่อย
หลังจากนั้นจะปัสสาวะบ่อยๆ การปฏิบัติยากลำบากเช่นนี้หากผู้ที่ไม่มีความ
เชื่อมั่นอาจจะเลิกเสียกลางคัน ผู้ที่ใช้สมองทั้งวันทั้งคืนในธุรกิจการค้า หาเวลาว่าง
ไปออกกำลังมิได้ทุกเช้าควรปฏิบัติดื่มน้ำรักษาโรคแทนการออกกำลังกาย เชื่อมั่น
ได้ว่าจะต้องปราศจากโรค ชีวิตยั่งยืนอย่างไม่ต้องสงสัย
ในระยะนี้มีผู้ใจบุญพิมพ์คำอธิบายวิธีดื่มน้ำรักษาโรคต่างๆ ส่งไปให้เพื่อน
ฝูง เพื่อนที่ได้รับรู้สึกขอบคุณอย่างยิ่งการที่ช่วยซึ่งกันและกันแบบนี้ควรจะ
เผยแพร่ให้มากขึ้น
ผู้เขียนยินดีให้ "วิธีดื่มน้ำรักษาโรคของจีนนี้เปิดเผยให้ผู้อ่านได้มีโอกาส
ค้นคว้าและทดลอง" ได้เป็นเรื่องที่ไม่น่าเชื่อ แต่ความเป็นจริงได้ผลอย่างนี้
แน่นอนเนื่องจากทำให้ลำไส้ใหญ่ผลิตโลหิตใหม่มากขึ้น ซึ่งโลหิตใหม่นี้ผลิตขึ้นจาก
ฝอยคล้ายสักหลาดที่อยู่ในลำไส้ใหญ่ซึ่งทำหน้าที่ดูดธาตุอาหารต่างๆ ผลิตให้เป็น
เม็ดโลหิต เนื่องจากลำไส้เคลื่อนไหวไม่เต็มที่ เป็นเหตุให้โลหิตจางมีอาการรู้สึก
เพลียและเป็นโรค เป็นการรักษายาก ลำไส้ของใหญ่¬ ่ยาว 8 เมตร ทำหน้าที่ดูด
ธาตุต่างๆ จากอาหาร ถ้าลำไส้สะอาดอาหารที่ได้รับประทานเข้าไปผ่านการย่อย
แล้วดูดไปผลิตให้เป็นโลหิตใหม่เป็นการเร่งให้เกิดพลังงานในร่างกายให้สมบูรณ์ขึ้น
โรคต่างๆ จะหายไปเองอายุก็ยั่งยืน มหาวิทยาลัยตามมณฑลต่างๆ ในประเทศจีน
ได้ผ่านการทดลองและประกาศเปิดเผยให้ทราบโดยทั่วกัน
วิธีดื่มน้ำรักษาโรคสามารถรักษาโรคดังต่อไปนี้คือ ท้องผูก ปวดหัว เวียน
ศีรษะ โลหิตจาง โรคประสาท ความดันโลหิตสูง อัมพาตทั้งกาย เป็นลม ปากเบี้ยว
โรคปวดตามข้อ โรคอ้วนพี ปวดในกระดูกเส้นเอ็น ปวดเมื่อย หูอื้อ ใจเต้น มือเท้า
อ่อนเพลีย โรคไอ โรคหืด หอบ หลอดลมอักเสบ วัณโรค เยื่อสมองอักเสบ โรคตับ
โรคไต เป็นนิ่ว กรดเปรี้ยวในกระเพาะอาหารมากเกินไป กระเพาะอืด กระเพาะ
อาหารเป็นแผลเน่าเรื้อรัง โรคบิด โรคริดสีดวงทวาร โรคเบาหวาน สายตาอ่อน โรค
ตาต่างๆ ตาออกเลือด สตรีประจำเดือนไม่ปกติ ระดูขาว มะเร็งในมดลูก มะเร็งเต้า
นม จมูกอักเสบ เจ็บคอ และโรคผิวหนังต่างๆ
ต่อไปนี้เป็นคำบอกเล่าของผู้ที่ได้ผ่านการทดลองดื่มมาแล้ว
1. ผู้เขียนได้พบกับผู้ชราที่มีสุขภาพอย่างสมบูรณ์ ได้ทักทายกับท่าน ถามท่านว่า
เคยเจ็บไข้หรือเปล่า ท่านตอบว่าหลายสิบปีมาแล้วไม่เคยเจ็บไข้มาเลย ท่านกล่าว
ว่าตอนที่อายุ 20ปีกระเพาะอาหารเป็นแผลเน่าเรื้อรังนอนอยู่กับที่นานถึง 10 ปี
ได้ผ่านการตรวจจากนายแพทย์ 5 ท่าน รักษาฉีดยา รับประทานยา ไม่ได้ผล
ต่อมามีนายแพทย์ท่านหนึ่งได้แนะนำว่าคุณควรทดลองดื่มน้ำสุกอย่างนี้ตื่นแต่เช้า
หน้าไม่ล้าง ปากไม่บ้วน ดื่มน้ำสุก 5 แก้วทุกๆ วัน อย่าให้ขาดตอน และห้ามไม่ให้
รับประทานอาหารก่อนเข้านอน นายแพทย์สั่งเสร็จก็กลับไปโดยไม่ให้ยาไปกิน
วันรุ่งขึ้นผมก็ทำตามนายแพทย์สั่ง ดื่มน้ำ 5 แก้วรวดเดียว ในหนึ่งชั่วโมงปัสสาวะ
3 ครั้ง หลังจากนั้นก็รับประทานข้าวต้ม รู้สึกรสชาติของข้าวต้มอร่อยกว่าที่แล้วๆ
มาวันที่สองดื่มน้ำ 5 แก้วอีกถ่ายอุจจาระออกมามีเลือดดำปนอยู่มากต่อจากนั้น
สามเดือนน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นอีก 10 ก.ก. เวลานี้ผมอายุ 64 ปีแล้ว นับแต่ได้
ปฏิบัติดื่มน้ำมายังไม่เคยเจ็บไข้ได้ป่วยเลย แม้แต่หวัดก็ไม่เคยเป็น
2 เมื่อผมยังเป็นเด็กเคยเป็นเยื่อสมองอักเสบ นายแพทย์สั่งให้ดื่มน้ำ 5 แก้วทุก
วัน ไม่นานเยื่อสมองที่อักเสบก็หายไปเอง ภรรยาผมเมื่อ 10 ปีก่อนเป็นโรคหัวใจ
และเป็นโรคอ้วนเกินไป ร่างกายสูงไม่เกิน 5 ฟุต น้ำหนักตัว 120 ก.ก. พอดื่มน้ำ
ได้ 15 วัน โรคหัวใจ โรคประสาท โรคเข็ดเมื่อยก็ค่อยๆ ดีขึ้น ดื่มน้ำได้สองเดือน
น้ำหนักตัวลดลงไป 16 ก.ก. เมื่อก่อนเราต้องใช้ยาประจำนวดไฟฟ้า และรักษา
ด้วยวิธีเข็มแทงแบบหมอจีนก็ไม่หาย แต่เวลานี้หายไปหมดแล้วจากการดื่มน้ำ
3. อาจารย์ในมหาวิทยาลัยญี่ปุ่นเคยแถลงการณ์ร่วมสองครั้ง เกี่ยวกับฝอยคล้าย
สักหลาดในลำไส้ผลิตโลหิตขึ้น จนเดี๋ยวนี้ไม่เห็นมีใครโต้แย้งเลย ไม่ว่าโลหิตจะมา
จากไหน แต่ธาตุต่างๆ จะต้องมาจากอาหารอย่างแน่นอน เมื่ออาหารลงไปถึง
กระเพาะแล้วผ่านการย่อยลงไปสู่ลำไส้ใหญ่ ลำไส้เล็ก ธาตุส่วนมากกลายเป็น
ของเหลว เมื่อลำไส้ยาว 8 เมตร ดูดธาตุต่างๆ เสร็จก็จะส่งไปสู่ลำไส้ออกของที่
ทวารหนักซึ่งเป็นของที่ไม่มีประโยชน์สำหรับร่างกาย
4. กระเพาะเป็นแผลเน่า ดื่มน้ำ 1 สัปดาห์ก็เห็นผล โรคความดันโลหิตสูง ดื่มน้ำ
1 เดือนเริ่มเห็นผล กระเพาะบิด 3 เดือนเริ่มเห็นผล ท้องผูก 3 วันก็เห็นผล ท้อง
เป็นบิดกับปัสสาวะกลางคืนบ่อยๆ ดื่มน้ำ 1 สัปดาห์ก็เห็นผล เข็ดเมื่อยตามข้อ 3
เดือนเห็นผล ผู้สูงอายุเข็ดเมื่อยทั้งร่างกาย ดื่มน้ำ 2 เดือน เห็นผล โดยเฉพาะผู้ที่
โลหิตคั่งอยู่ในสมอง เกิดเป็นลมขึ้นเป็นมายังไม่เกิน 3 เดือน ดื่มน้ำเพียงสัปดาห์
เดียวก็หายเหมือนเดิม รับรองไม่พิการหรือเป็นอัมพาต
ผู้ที่ดื่มน้ำควรทราบ ดื่มน้ำสุกดีที่สุด
หากดื่มน้ำประปา ควรจะใส่ขวดไว้แรมคืนให้ตกตะกอนเสียก่อนเพื่อป้องกัน
ท้องร่วง เวลารับประทานอาหารดื่มน้ำได้ตามปกติ แต่หลังอาหารสองชั่วโมงไม่
ควรดื่มอีก ก่อนเข้านอนไม่ควรรับประทานอาหาร โดยเฉพาะอย่างยิ่งห้าม
รับประทานน้ำส้มคั้น และจำพวกแอปเปิ้ล ผู้ที่มีโรคประจำตัวดื่มน้ำทีเดียว 5 แก้ว
ไม่ใช่ของง่าย ดื่มน้ำเสร็จทางที่ดีใช้หรือออกกำลังสัก 20นาทีคนไข้ที่นอนอยู่บน
เตียงไม่สามารถลุกขึ้นได้ ดื่มน้ำเสร็จให้สูดอากาศเข้าปอดให้มากๆ และนวดที่
บริเวณที่สะเอวให้น้ำไหลลงสู่ลำไส้ให้สะอาด ดื่มน้ำวันแรกภายใน 1 ชั่วโมง จะ
ปัสสาวะ 3 ครั้งติดๆ กัน แต่ต่อไป 3 - 4 วัน การถ่ายท้องจะเป็นปกติภายใน 7
- 8 วัน การปัสสาวะเป็นเพียงครั้งเดียว นับแค่นั้นไปจะรู้สึกร่างกายสบาย เวลา
รับประทานอาหารจะรู้สึกอร่อยเป็นพิเศษ นี่เป็นการแสดงให้เห็นว่ากระเพาะลำไส้
ได้ถูกชำระสะอาดแล้ว ผู้ที่หมดหวังแล้วจะรอดตายด้วยวิธีดื่มน้ำรักษาโรคต่างๆ นี้
จึงเขียนมาให้ทราบโดยทั่วกัน ขอให้ทุกท่านจงปราศจากการไข้และป่วยต่างๆ
ข้อควรทราบ หลังจากอาตมาได้ทราบตามข้อนี้ และได้ปฏิบัติตาม รู้สึกว่าโรค
ต่างๆ ที่คนชราโดยมากเป็นอยู่บัดนี้รู้สึกว่าเริ่มสบายขึ้นเป็นลำดับเห็นว่าเป็น
ประโยชน์แก่ส่วนรวมจึงขอยืนยันมาให้ทราบ เป็นการกุศลต่อไป ท่านที่รับหลักการ
นี้ไปปฏิบัติแล้ว ถ้ามีประโยชน์ดีควรเผยแพร่ต่อไปเพื่อเป็นการกุศล.

การนอนที่ถูกวิธี มีข้อห้ามอะไร



อย่าที่ 1 คือ อย่านอนหลับไปพร้อมๆ กับนาฬิกาข้อมือ ก็เพราะขณะที่นาฬิกาเจ้ากรรม
ทำงานไปเรื่อยๆ นั้น เจ้านาฬิกาไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ล้วนปล่อยพลังงานทั้งสิ้น เชื่อมั้ยว่าการ
ใส่นาฬิกาข้อมือนอน จะมีผลต่อสุขภาพระยะยาวเลย
• อย่าที่ 2 นี่ สำหรับพวกชอบคุยโทรศัพท์มือถือจนหลับโดยเฉพาะเลย ไม่ควรนอนหลับ
ไปพร้อมๆ กับโทรศัพท์เท่านั้น แต่หมายรวมไปถึงการวางโทรศัพท์มือถือไว้ใกล้ๆ ตัวด้วย
บางคนที่ชอบใช้มือถือเป็นนาฬิกาปลุกยามเช้า กรุณาเก็บมือถือของท่านไว้ให้ใกลตัวที่สุดเมื่อ
จะนอนซะเถอะ ไปหาซื้อนาฬิกาปลุกถูกๆ ดีๆ เก๋ๆ มาใช้ดีกว่า เพราะมีหลักฐานทาง
วิทยาศาสตร์ระบุว่า โทรศัพท์มือถือเครื่องจิ๋วเนี่ย จะปล่อยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าออกมา
ขณะเปิดเครื่องไว้และเจ้าคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าเหล่านี้ มีผลกับระบบประสาทซะด้วยสิ
เพราะฉะนั้น ตอนนอนก็ปิดโทรศัพท์มือถือซะดีกว่า พอปิดโทรศัพท์มือถือเรียบร้อยแล้ว จะวาง
ไว้ใกล้หรือไกลก็หายห่วง
• อย่าที่ 3 ง่ายๆ สั้นๆ คือ อย่าหลับพร้อมๆ กับเครื่องสำอาง ไม่ว่าจะเหนื่อยอ่อน
เมื่อยล้าขนาดไหน ต้องล้างเครื่องสำอางออกให้หมด เพราะการหลับทั้งๆ ที่เครื่องสำอางยังคา
อยู่ที่ผิวหน้านั้น จะก่อให้เกิดปัญหาด้านผิวพรรณระยะยาว กลางคืนคือช่วงเวลาที่
ผิวพรรณจะได้พักผ่อนบ้างนะค่ะ
• อย่าที่ 4 (สำหรับสาวๆ เท่านั้น) คือ อย่านอนหลับทั้งๆ ที่ยังใส่ยกทรง
นักวิทยาศาสตร์ชาวอเมริกัน ค้นพบว่าการใส่ยกทรงนานเกิน 12 ชั่วโมง จะเป็นการเพิ่ม
อัตราเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งทรวงอกได้ฉะนั้น ก็อย่าใส่ยกทรงนอนเลย ไม่ต้องกลัวเสียทรง
ไม่ต้องกลัวอกแบะ ห่วงชีวิตไว้ก่อนดีกว่า
• อย่าที่ 5 อันนี้เหมาะกับทุกเพศเลยนะ “อย่านอนกับสามีหรือภรรยาของคนอื่น”
เพราะคุณอาจจะไม่ได้ตื่นอีกเลย …อันนี้ไม่ได้ล้อเล่นนะค่ะ
ใครที่ยังทำทั้ง 5 อย่าอยู่ หรืออย่างใดอย่างหนึ่ง ก็ดูแลสุขภาพตัวเองดีๆนะคะ ยิ่งอย่า
สุดท้าย ยิ่งน่ากลัวค่ะ

การรักษาโรคด้วยน้ำ


การดื่มน้ำเมื่อท้องว่างผ่านกระเพาะเพื่อรักษาสุขภาพที่ดี ในประเทศญี่ปุ่นทุกวันนี้เป็นที่นิยมการดื่มน้ำทันทีหลังตื่นนอนตอนเช้า
(ก่อนแปรงฟัน) เพื่อการรักษาสุขภาพที่ดี มีการทดลองทางวิทยาศาสตร์
พบว่าน้ำสามารถใช้ชะลอความแก่ และสามารถบำบัดรักษาโรคได้ เราสามารถใช้น้ำเพื่อบำบัดรักษาโรคได้หลายโรค มีการพิสูจน์จนยอมรับว่าสามารถบำบัดรักษาโรคเหล่านี้ได้ผล 100%
(ค่อยเป็นค่อยไป ต้องใช้ระยะเวลา) ปวดหัว ปวดตามตัว โรคระบบหัวใจ โรคไขข้ออักเสบ โรคหัวใจเต้นเร็วโรคลมบ้าหมู โรคอ้วน โรคหลอดลมอักเสบ โรคหืด วัณโรค
อาการเยื่อหุ้มสมองอักเสบ ไขสันหลังอักเสบ โรคไต และยูริก โรคแสลงคลื่นไส้ต่างๆโรคกระเพาะ โรคท้องร่วง โรคริดสีดวง โรคเบาหวาน โรคอาการท้องผูก โรคตา โรคภายในสตรี มะเร็ง
และรอบเดือนไม่ปกติ โรคคอ หู จมูก
วิธีการรักษาปฏิบัติดังนี้
1. ตื่นนอนตอนเช้า ก่อนแปรงฟัน ให้ดื่มน้ำ 4 แก้ว (640 ซีซี)
2. หลังจากนั้นสามารถแปรงฟันและล้างหน้าได้ แต่ต้องไม่ดื่ม หรือรับประทานอะไรจนกว่า 45 นาทีผ่านไป จึงจะรับประทานได้ตามปกติ
3. หลังรับประทานอาหารเช้า กลางวัน เย็น ไปแล้ว 15 นาที ต้องไม่ควรดื่มน้ำหรือรับประทานเลย จนกว่า 2 ชั่วโมงผ่านไป
4. ผู้ป่วย หรือ คนชรา ที่ไม่สามารถดื่มน้ำ 4 แก้ว ก็ขอให้ค่อยๆ ดื่ม ค่อยเป็นค่อยไปเรื่อยๆ จนได้ครบ 4 แก้ว
ข้อปฏิบัติ 4 ข้อดังกล่าวจะทำให้ท่านบำบัดรักษาโรคที่เป็นอยู่ค่อยๆ เบาและหายขาดได้ในที่สุด วิธีนี้ไม่มีผลข้างเคียงใดๆ ทั้งสิ้น จะทำให้คุณภาพชีวิตดีขึ้น
จากสถิติข้อมูลโรคที่บำบัดรักษาทำให้หายได้ภายในเวลาดังนี้
1. โรคความดันโลหิตสูง 30 วัน
2. โรคกระเพาะ 10 วัน
3. โรคเบาหวาน 30 วัน
4. โรคท้องผูก 10 วัน
5. โรคมะเร็ง 180 วัน
6. โรควัณโรค 90 วัน

สำหรับโรคไขข้ออักเสบจะเห็นผลภายใน 3 วัน ในสัปดาห์แรกให้ปฏิบัติทุกวัน วิธีรักษาแบบนี้ไม่มีผลเสียแต่อย่างใด
เพียงแต่อาจปัสสาวะบ่อยขึ้น และหลังดื่มน้ำไปแล้วประมาณ 1-2 ชั่วโมง จะปวดปัสสาวะ

Saturday, April 25, 2009

ทำอย่างไรที่จะให้ตัวเองอ้วน


การรับประทานอาหารน้อยเกินไป โดยได้รับพลังงานไม่เพียงพอ กับความต้องการ ทำให้ร่างกายไม่ได้รับสารอาหารในปริมาณที่เหมาะสม จนอาจทำให้ระบบต่างๆ ของร่างกายทำงานได้ไม่เต็มที่ ส่งผลให้ร่างกายรู้สึกอ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย หงุดหงิด และไม่มีสมาธิ เมื่อใดที่ร่างกายติดเชื้อโรคก็จะไม่สบายง่ายหายยาก เพราะมีสารอาหารที่ต่อต้านเชื้อโรคเพิ่มภูมิคุ้มกันไม่พอสำหรับบางคนนั้น การเพิ่มน้ำหนักเป็นสิ่งที่ยากพอๆ กับผู้อื่นที่ต้องการลดน้ำหนักเลยทีเดียวจากน้ำหนักและส่วนสูงของคุณจิ๊บ มีดัชนีมวลกายที่ 16 กิโลกรัม / เมตร2 ซึ่งจัดอยู่ในกลุ่มน้ำหนักตัวน้อย (ค่าปกติคือ 18-23 กิโลกรัม / เมตร2 สำหรับคนเอเชีย) คุณจิ๊บรับประทานอาหารไม่เป็นเวลา และไม่สม่ำเสมอทุกมื้อ จึงมีภาวะเสี่ยงต่อการขาดสารอาหารสูงวิธีเพิ่มน้ำหนักสำหรับผู้ที่มีน้ำหนัก ตัวน้อยเกินไปนั้นคงจะเป็นที่รู้กันดี ก็คือต้องกินให้ได้พลังงานมากกว่าที่ร่างกายใช้ไป พลังงานที่ได้รับควรมาจากอาหารที่มีประโยชน์ แทนที่จะเป็น junk food ที่ให้สารอาหารต่ำ
“วิธีเพิ่มน้ำหนักสำหรับผู้ที่มีน้ำหนักตัวน้อยเกินไป คือต้องกินให้ได้พลังงานมากกว่าที่ร่างกายใช้ไป พลังงานที่ได้รับควรมาจากอาหารที่มีประโยชน์ แทนที่จะเป็น junk food ที่ให้สารอาหารต่ำ”
การเลือกอาหารที่มีประโยชน์ ควรเลือกอาหารให้หลากหลายจากทุกหมวดหมู่ จะ ทำให้ได้รับสารอาหารอย่างครบถ้วน โดยไม่จำเป็นต้องเน้นว่าเป็นอาหารชนิดใดชนิดหนึ่ง อาจเลือกอาหารที่ให้พลังงานสูงที่ไม่ต้องกินในปริมาณมากๆ เช่นผลไม้ แห้ง ผลไม้แช่อิ่ม ถั่วเปลือกแข็ง อะโวคาโด เนยถั่ว งา เป็นต้น หรืออาจใช้วิธีเติมนมผงลงในซุป น้ำสลัดข้น หรือแกงก็ได้เพื่อเพิ่มแคลอรี รับประทานอาหารทอด หรือผัดมันได้บ้าง แต่ที่สำคัญคือควรใช้น้ำมันพืชเวลาประกอบอาหาร เพื่อป้องกันโรคหัวใจและหลอดเลือดจากโคเลสเตอรอล
วิธีเพิ่มน้ำหนักอื่นๆ ที่คุณอาจลอง ได้แก่

• ดื่มน้ำผลไม้ นม หรือน้ำปั่น มิลค์เชค (ไอศกรีมปั่นกับนม) แทนชา กาแฟ หรือน้ำอัดลมที่ไร้ประโยชน์ ถ้าไม่อยากทำอาหารให้ตนเอง อาจใช้วิธีดื่มเป็นน้ำผลไม้ปั่นกับโยเกิร์ต นม หรือแม้กระทั่งไอศกรีมก็ได้

รับประทานอาหารมื้อย่อยๆ เพิ่มขึ้น การทำเช่นนี้จะทำให้ได้รับสารอาหารได้ง่ายกว่าที่จะรับประทานอาหารเป็นมื้อใหญ่ๆ 3 มื้อ

ดื่มน้ำหลังอาหาร 30 นาที การจำกัดน้ำขณะรับประทานอาหารจะทำให้รับอาหารได้มากขึ้น

• เอนจอยอาหารมื้อดึก

• อาจลองดื่มอาหารเสริมสำเร็จรูปที่เอามาชงกับน้ำหรือน้ำผลไม้ก็ได้ ควรปรึกษาแพทย์ เภสัชกร หรือนักกำหนดอาหาร เพื่อเลือกอาหารเสริมที่เหมาะสมกับความต้องการบางคนอาจไม่มีความรู้สึกหิวเลย ซึ่งอาจมาจากหลายสาเหตุ เช่น ความเจ็บป่วย ความเจ็บปวด ความเหนื่อยล้า ความเครียด ความซึมเศร้า ยาบางชนิด อากาศร้อนจัด หรือหลายๆ สาเหตุรวมกันซึ่งส่งผลไปที่สมองส่วนรับรู้ถึงความหิว และสมองส่วนนี้จะส่งสัญญาณว่า “ไม่หิว” ทั้งๆ ที่ถึงเวลาที่คุณควรจะหิวแล้วดังนั้นแม้ไม่หิวก็ต้องลองรับประทานให้ตรงเวลามื้ออาหาร อาจจะเริ่มจากอาหารปริมาณน้อยๆ ก่อน เมื่อร่างกายคุ้นเคยกับการรับประทานอาหารตรงเวลามากขึ้นค่อยปรับเพิ่มปริมาณ อาหารมากขึ้นคุณจิ๊บเหนื่อยล้า และมีความเครียดในการเลี้ยงดูลูกเล็ก และอาจมีภาวะซึมเศร้าร่วมด้วย จึงอยากแนะนำให้จัดการกับภาวะต่างๆ เหล่านี้ อาจหาญาติพี่น้องมาช่วยดูแลลูกบ้าง หรือปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านจิตวิทยา หรือจิตแพทย์ เมื่อรู้สึกดีขึ้น อารมณ์ดี ก็จะทำให้มีความสุขกับการรับประทานอาหาร และจะรับอาหารได้มากขึ้น และอาจลองวิธีเรียกน้ำย่อยต่อไปนี้

• เลือกอาหารที่มีสีสัน กลิ่นหอม น่ารับประทาน

• ดื่มไวน์ 1 แก้ว ก่อนอาหาร แอลกอฮอล์มักช่วยเรียกน้ำย่อย (แต่ถ้าใครไม่ดื่มแอลกอฮอล์ก็ไม่ต้องเริ่มเลย เลี่ยงวิธีนี้ก็ได้ค่ะ)

• ชวนเพื่อนฝูงมารับประทานอาหารที่บ้านด้วยกัน การรับประทานร่วมกับผู้อื่น มักทำให้การรับประทานนั้นสนุกและรับประทานได้มากขึ้น

• ซื้ออาหารที่ชอบมาเก็บไว้ที่บ้าน สำหรับมื้ออาหารปกติหรือมื้อว่าง

• เปลี่ยนบรรยากาศไปรับประทานอาหารที่อื่นของบ้าน เช่น ปูเสื่อที่สนาม ทำเป็นปิกนิคกับลูก หรือเปลี่ยนไปนั่งรับประทานอาหารในห้องรับแขก บางครั้งการเปลี่ยนสถานที่อาจช่วยได้บ้าง

• ออกไปรับประทานอาหารนอกบ้านบ้าง เช่น เลือกร้านอาหารที่มีบริการอาหารแบบบุฟเฟ่ต์ก็เรียกน้ำย่อยได้ดีไม่เบา

• พาลูกออกไปเดินเล่นก่อนมื้ออาหาร จะช่วยเรียกน้ำย่อยได้

• ตั้งเวลานาฬิกา เพื่อเตือนว่าถึงเวลาของมื้ออาหารแล้ว

• มื้ออาหารควรเป็นบรรยากาศที่สบาย เลี่ยงการสนทนาในเรื่องที่อาจเกิดการทะเลาะกันได้ โดยเฉพาะถ้าความเครียดเป็นปัญหาของคุณอยู่แล้ว

• เมื่อใดที่มีน้ำหนักตัวลดลงอย่างกะทันหันโดยที่ไม่ทราบสาเหตุ แม้จะรับประทานอาหารในปริมาณปกติ ควรรีบปรึกษาแพทย์ เพราะอาจเป็นอาการเริ่มต้นของโรคภัยไข้เจ็บบางอย่าง

จากน้ำหนักตัวคุณจิ๊บควรได้รับพลังงานวันละ 1,700-1,800 แคลอรี เพื่อให้เพิ่มน้ำหนัก ตัวอย่างเมนู 1,800 แคลอรี

เช้า

ขนมปัง 2 แผ่น,ทาเนยถั่ว หรือเนยงาดำ 2 ช้อนโต๊ะ ,น้ำผลไม้ 1 กล่อง

ว่างเช้า

น้ำเต้าหู้ ใส่งาดำบด 1 ช้อนโต๊ะ หรือน้ำผลไม้-โยเกิร์ตปั่น (smoothie) 1 แก้ว

กลางวัน

ข้าวผัดหมู 1 จาน หรือสปาเกตตี้ผัดฉ่าทะเล, น้ำผลไม้ปั่น หรือ นมเย็น 1 แก้ว

ว่างบ่าย

อาหารเสริมชงกับน้ำ 1 แก้ว (เช่น ไอโซคาล นูเทรน เป็นต้น)หรือถั่ว 1 กำมือ

เย็น

ข้าว 2 ทัพพี ,ปลาทอด 1 ชิ้น, ต้มยำกุ้งน้ำข้น, ผลไม้ 1 จาน ถ้าไม่อยากรับประทานให้ชงอาหารเสริม หรือทำน้ำปั่นดื่มแทนคาดว่าถ้าคุณจิ๊บหาวิธีจัดการกับความเครียดของตน และรับประทานอาหารตามที่แนะนำไปอาจรับประทานอาหารเสริมร่วมด้วย จะทำให้คุณจิ๊บมีแรงเลี้ยงลูก มีกำลังใจที่ดี และสนุกกับชีวิตและกับการรับประทานอาหารอย่างแน่นอน ในโปรแกรมเดียวกันนี้คุณจิ๊บก็จำเป็นต้องเพิ่มมวลกล้ามเนื้อด้วยการออกกำลัง กายให้สม่ำเสมอและถูกต้อง จุดประสงค์ของการออกกำลังกายเพื่อเพิ่มน้ำหนักตัว (lean body mass) ดังนั้นการออกกำลังกายจะเน้น resistance training เป็นหลัก คือการใช้อุปกรณ์เครื่องเล่นต่างๆ ที่มีน้ำหนักให้เกิดแรงต้าน เช่น ดัมเบลล์ บาร์เบลล์ต่างๆ ส่วนการออกกำลังกายแบบแอโรบิคจะไม่เน้นมากในการเพิ่มน้ำหนัก ขอแนะนำว่าถ้าจะได้ผลในการเพิ่มมวลกล้ามเนื้ออย่างเห็นได้ชัด อาจเข้าฟิตเนสที่มีผู้ให้คำแนะนำในการใช้อุปกรณ์สำหรับ resistance training สำหรับแต่ละส่วนของร่างกาย โปรแกรมการออกกำลังกาย :

Warm-up :

• เริ่มด้วยการอบอุ่นร่างกายโดยการเดิน หรือเดินเร็ว ประมาณ 5-10 นาที

• ตามด้วยการยืดกล้ามเนื้อมัดหลักๆ หรือส่วนที่จะใช้ในการออกกำลังกายต่อไป โดยแต่ละส่วนให้ทำการยืดค้างไว้ประมาณ 10-30 วินาที

• หรืออาจจะใช้วิธีการยกน้ำหนักเบาๆ ออกกำลังกล้ามเนื้อแต่ละส่วน ส่วนละประมาณ 12-15 ครั้งต่อเซต ไม่เกิน 2 เซต Resistance Training :

• ควรเริ่มออกกำลังทุกส่วนของร่างกายโดยเฉพาะกล้ามเนื้อมัดหลัก โดยเริ่มจากกล้ามเนื้อมัดใหญ่ไปหามัดเล็ก โดยเริ่มจากกลุ่มของกล้ามเนื้อขา หลัง อก ท้อง และแขน

• น้ำหนักที่ใช้ควรจะสามารถยกได้เต็มที่ 10-12 ครั้ง ในหนึ่งเซต

• ยก 2-3 เซต ในแต่ละท่า• โดยในแต่ละกลุ่มของกล้ามเนื้อสามารถออกกำลังกายได้ 2 ท่า

• ในแต่ละครั้งที่ออกกำลังกายให้ใช้อุปกรณ์ หรือท่าออกกำลังกายประมาณ 8-10 ท่า

• ควรจะต้องออกกำลังกายสม่ำเสมอ อย่างน้อย 3 ครั้ง ต่อสัปดาห์ Cool-down :

• เน้นการยืดกล้ามเนื้อในส่วนที่ใช้ในการออกกำลังกายเป็นหลัก

• โดยทำการยืดค้างไว้ 15 -45 วินาที ในแต่ละกลุ่มของกล้ามเนื้อ

Friday, April 24, 2009

กินให้ผอม 3


กินให้ผอม วิธีการสามประสาน 3
ประสานกาย เมื่อประสานใจกับอาหารได้แล้ว สิ่งที่จะต้องทำขั้นต่อไปคือประสานกายรวมไปด้วยโดยการออกกำลังกายนั้นเอง ปัญหาที่เกิดขึ้นคือหลายคนมองการออกกำลังกายคลายการทำงาน แค่คิดถึงก็รู้สึกเหนื่อย มีวิธีการออกกำลังกายง่ายๆ ที่หน้าจะลองทำ คือ การเปิดเพลงประกอบด้วย จะช่วยไห้การออกกำลังกายดูสนุกตื่นเต้นขึ้นบ้าง คล้ายการเต้นแอโรบิกถ้า แรก ยืนตรงเชิดหน้าเล็กน้อย แตะไหล่ไปด้านหลัง แขนแนบลำตัวขาถ่างออกจากกัน หายใจลึกๆ ผ่านทางจมูกช้าให้เต็มปลอดมากที่สุด หยุดซักครู่แล้วค่อยๆ ปล่อยลมหายใจผ่านออกทางปากจนกระทั้งไม่มีเหลือ ทำเช่นนี้ซักห้าหกครั้ง จะรู้สึกสดชื่นขึ้นถ้าที่สอง ยืนมองเพดาน ชูแขนทั้งสองเหนือศีรษะแล้ว ค่อยๆ สาวแขนลงที่ละข้าง สร้างความรู้สึกคล้ายกับว่ากำลังไต่เชือกขึ้นไปบนเพดานสูดและผ่อนลมหายใจ ช้าๆ โดยใช้จมูกและปากตามจังหวะการสาวแขนตวัดขึ้นลงเหมือนการไต่เชือกถ้า ที่สาม ยืนตรงมองตรงยืดแขนกลางออกไปคล้ายยืนเอามือยังกำแพงไว้ แล้วค่อยๆยกแขนข้างหนึ่งขึ้นขณะที่ลู่แขนอีกข้างลง ทำสลับแขนไปมา ผ่อนและสูดลมหายใจตามจังหวะโดยใช้ปากและจมูกถ้าที่สี่ ถ้าลุกนั่ง (Sit-up) ครั้ง หนึ่งโดยการนอนหงายงอเขา แล้วยกตัวขึ้นช้าๆ เพียงให้หลังพ้นพื้น และให้มือแตะหัวเข่า ทำวิดพื้นครึ่งหนึ่งโดยแทนที่จะยืดขาให้สุดก็งอเข่าและให้เข่ายันพื้นไว้ แล้ววิดพื้นตามปกติช้าๆถ้าที่ห้า นั่งยืดขาชิดกันหลังตรง เอานิ้วประสานกันแล้วกลับมือยืดแขนไปข้างหน้าให้หลังมือหันเข้าหาตัว แล้วบิดเอวไปทางซ้ายบ้าง ขวาบ้างผ่อนลมหายใจเข้าออก ถ้าทุกเช้าออกกำลังกายง่ายๆ 5 ท่านี้ได้ วันนั้นทั้งวันจะรู้สึกสดชื่นขึ้นมากสามสิ่ง คือ ใจ อาหาร และกายต้อง ประสานกัน หากทำได้สม่ำเสมอจะรู้สึกว่าการลดความอ้วนไม่ใช่เรื่องยากเลย และเมื่อลดน้ำหนักตัวลงได้แล้วการจะคงน้ำหนักตัวไว้ไม่ให้เพิ่มขึ้นย่อมไม่ ยากอีกเช่นกัน แต่คงต้องจนจำไว้อย่างหนึ่งว่าหากเกิดอาการขี้เกียจเลิกทำขึ้นมาเมื่อใดความ อ้วนจะจู่โจมกลับมาหาทันที

Thursday, April 23, 2009

กินให้ผอม 2

กินให้ผอม วิธีการสามประสาน 2
เรียนรู้วิธีกินอาหารเมื่อ จิตใจมั่นคงแล้วถึงเวลาที่ต้องเรียนรู้วิธีกิน มีคนหลายคนเชื่อว่าการไม่รับประทานอาหารที่มีไขมันมาก ไม่รับประทานกะทิ พิซซ่า ฮอตดอกเนย หรือนม รับประทานแต่พักและโยเกิร์ตจะทำให้ผอมลงได้ แต่กลับ ปรากฏว่าอดอย่างไรก็ไม่ผอม ซ้ำร้ายยังรู้สึกว่าตังเองอ่อนแอลงอีกด้วยการ รับประทานอาหารอย่างใดอย่างหนึ่งน้อยเกินไปจะเป็นผลทำให้สัดส่วนของอาหารอีก อย่างหนึ่งมากเกินไปโดยอัตโนมัติ การรับประทานอาหารที่ถูกต้องคือต้องรับประทานให้ครบทุกหมู่ แป้งหรือข้าว เนื้อสัตว์ หรือถั่วเม็ดแห้ง น้ำมันพืชหรือไขมันสัตว์ พัก ผลไม้ และน้ำล้วนเป็นอาหารที่จำเป็นจะขาดหมู่หนึ่งหมู่ใดไม่ได้
การ รับประทานอาหารมากแต่เพียงหมู่เดียวไม่ใช่วิธีที่ถูก มีผู้คนจำนวนไม่น้อยรับประทานอาหารประเภทผักอย่างเดียวหรือ ธัญพืชอย่างเดียวโดยลดการรับประทานอาหารประเภทอื่นทั้งหมด วิธีที่ถูกต้องคือควรลดปริมาณอาหารแต่ละเมื่อลงแต่ยังต้องรับประทานอาหารให้ ครบทุกหมู่ หมั่นรับประทานให้หลากหลายเพื่อให้ร่างกายได้รับสารอาหารครบทุกส่วนหาก ปฏิบัติตนตามนี้ได้น้ำหนักตัวจะลดลงได้โดยร่างกายไม่อ่อนแอสิ่ง หนึ่งที่จำเป็นต้องเปลี่ยนให้ได้คือพฤติกรรมการจักปริมาณอาหารแต่ละมื้อ อาหารมื้อเช้าควรเป็นหนัก ตอนเที่ยงอาจเป็นอาหารมื้อหนักอีกมื้อหนึ่งหรือจะลดมื้อกลางวันก็ได้ ส่วนมื้อเย็นควรเป็นมื้อเบาๆ และที่สำคัญคือ ห้ามมีมื้อดึกอย่างเด็ดขาด การรับประทานจนอิ่มแล้วนอนนั้นเป็นอันตรายอย่างยิ่ง จะทำให้อ้วนได้ง่ายเนื่องจากร่างกายไม่ได้นำพลังงานไปใช้ถ้า เป็นคนติดของขบเคี้ยว ให้ลองเตรียมแครอต กะหล่ำปลี หัวผักกาด แตงกวา หั่นเป็นชิ้นเล็กๆ เก็บใส่ตู้เย็นไว้ พวกที่ชอบรับประทานของคบเคี้ยวนั้นหากหลายคนชอบก็เพราะมันส่งเสียงกรอบแกรบ ถูกใจ การรับประทานผักกรอบๆ ดังที่ว่านี้จะให้เสียงดังชดเชยได้ดี อีกทั้งยังไม่ให้พลังงานแต่อย่างไร