การ crack หรือ การทำให้โปรแกรมมีสามารถสามารถใช้งานได้มากขึ้น ไม่มีวันหมดอายุ และการที่เราจะ crack โปรแกรมใด ๆ ก็ลองสังเกตไฟล์ที่เป็นตัว crack ว่ามีลักษณะใด ดังต่อไปนี้
1. การ patch/crack
QUOTE
คือ การทำเอาไฟล์ที่เรียกว่า patcher/cracker อาจจะมีชื่อแตกต่างกันออกไป แต่มีคำลงท้ายหรือมีคำว่า "patch" หรือ "crack" อยู่ เข่น WinRAR.3.x.Patch.exe, crack.exe
วิธีการ :
- โดยการนำไฟล์ที่เป็นตัว patch/crack ไปวางในโฟลด์ที่ผ่านการติดตั้งโปรแกรม ซึ่งส่วนใหญ่จะอยู่ที่ c:\Progam Files\....
- แล้วเรียกใช้ตัว patcher/cracker นั้น โดยการ double click แล้วตอบตกลงการ patch
- หากมีการ match กันระหว่างโปรแกรมที่เราต้องการ patch/crack ก็จะขึ้นคำว่า ...".....Pathed/crack Succesfully"
ตัวอย่าง ถ้าเราต้องการจะ patch โปรแกรม Winrar
- เมื่อทำการติดตั้งโปรแกรมไปแล้ว ก็ให้ copy ตัว patcher ในที่นี้คือ WinRAR.3.x.Patch.exe นำไปวางใน c:\Progam Files\Winrar
- แล้วเรียกใช้งาน "WinRAR.3.x.Patch.exe"
- ให้กดคำว่า patch
หมายเหตุ:
การ crack ก็จะทำในลักษณะเดียวกัน ...หากไม่มีการนำไฟล์ไปวาง ณ ตำแหน่งที่มีการติดตั้งโปรแกรมก็สามารถทำได้ โดยเมื่อเรียกใช้ตัว patch/crack ตัว patch/crack ก็จะถามหา path เพื่อระบุตำแหน่งตัวโปรแกรมที่จะเรียกใช้งาน แต่วิธีการนี้ผมไม่ค่อยแนะนำ เพราะว่าโอกาสเสี่ยงที่หาไม่พบก็มีสูง ...แต่ขณะที่มีการติดตั้งโปรแกรมก็จดจำ path ที่แน่นอนของโปรแกรมเอาไว้ก็ดีนะครับ
2. การวางแทนที่ไฟล์ (copy and paste)
QUOTE
คือ การนำไฟล์ที่ผ่านการทำให้ไม่มีวันหมดอายุ (patched/cracked) ไปวางแทนที่ไฟล์ที่ผ่านการติดตั้งแล้ว ซึ่งส่วนใหญ่จะอยู่ที่ c:\Progam Files\....
ตัวอย่าง ถ้าต้องการที่จะ crack โปรแกรม WinTools.net Professional
- ให้ใช้วิธีการ copy "wintoolspro.exe" จาก crack ที่โหลดมา
- นำไปแทนที่ไฟล์เดิม ในโฟล์เดอร์ที่มีโปรแกรมอยู่ คือ
c:\Programs Files\Wintools\WinTools.net Professional
- กด ok
3. การใช้ Keygen หรือ Keymaker สร้าง Key
QUOTE
Keygen คือ ตัวที่ใช้สร้าง key หรือ serial number ที่เป็นไปในลักษณะสุ่ม จากการกดปุ่ม "generate" ที่ตัวสร้างคีย์ ...บางท่านกดไปแล้วอาจจะเห็นว่าตัวยเลขไม่ตรงหรือไม่เหมือนเดิม ก็ไม่ต้องตกใจครับ ขอให้ตัวเลขนั้นมัน match กับโปรแกรมก็พอแล้ว .....
เมื่อได้ serial คีย์ แล้วก็นำไปวางขณะที่โปรแกรมร้องขอ ขณะติดตั้ง
ในที่นี่ขอยกตัวอย่าง การลง Photo shop CS 9.0 ซึ่งโปรแกรมอื่น ๆ อาจจะมีฃั้นตอนที่ไม่ยุ่งยากมากนัก แค่สร้าง key แล้วนำ serial ไปใช้งาน
หมายเหตุ: การใส่ serial key สามารถใส่ได้ 2 ลักษณะ คือ
3.1. การใส่ serial key ก่อนการติดตั้งโปรแกรม
...ส่วนนี้หากมีการแนบไฟล์ที่ระบุ serial key มา ก็ให้ copy ไปวางในช่องที่โปรแกรมร้องขอก่อนที่จะทำการติดตั้ง
3.2. การใส่ serial key หลังการติดตั้งโปรแกรม
...หลายต่อหลายคนที่ไปโหลดโปรแกรมมา ขณะติดตั้งโปรแกรมแล้ว ตัวติดตั้งไม่ได้มีการร้องขอ serial key ก็เลยไม่ได้สนใจคิดว่าไม่เป็นปัญหา แต่โปรแกรมบางตัวนั้นมีการกำหนดอายุการใช้งาน เช่น 15 วัน 30 วัน เป็นต้น ...
...และบางครั้งการลง serial number หลังการติดตั้งอาจจะทำไม่ได้เสมอไปนัก ขึ้นอยู่กับคนเขียนโปรแกรม...
แต่วิธีการง่าย ๆ ที่จะสังเกตว่าโปรแกรมนี้สามารถลง serial ได้หรือป่าว ก็ดูได้จากการที่คนเขียนโปรแกรม หรือคนที่โพสต์ เค้าได้แนบไฟล์ที่เป็น serial (sn.txt) หรือ ตัวสร้างคีย์ (keygen.exe) หากแนบมาด้วยก็แสดงว่าให้ใช้วิธีการใส่ key ลงไป
...วิธีการที่นิยมใช้ เมื่อติดตั้งโปรแกรมเสร็จก็ไปเปิดโปรแกรมใช้งาน
....บางโปรแกรมพอเปิดออกมาแล้วมีข้อความต้อนรับเพื่อร้องขอ serial number ก็ดีไป และหากเราใส่ key ลงไปแล้วโปรแกมสามารถใช้งานได้โดยที่ไม่ฟ้องอีกก็ถือว่าผ่าน...
...แต่หากโปรแกรมไม่ได้มีข้อความต้อนรับให้มีการใส่ serial number หากเราไม่ได้สังเกต และใช้โปรแกรมไปนาน ๆ จู่ ๆ มันก็ฟ้องว่าโปรแกรมเราหมดอายุแล้ว ไม่สามารถใช้งานต่อไปได้ ให้ใส่ serial number หรือลงทะเบียน ...ก็พบมาเยอะแล้วครับ .........
.........วิธีการง่าย ๆ คือ หลังที่เราลงโปรแกรมเสร็จแล้ว เราก็เข้าไปที่โปรแกรม...แล้วไป "help" อาจจะมีคำว่า "register" หรือ "about" ก็ให้เราคลิ๊กเข้าไป แล้วก็จะมีช่องว่างให้ใส่ serial ลงไปในช่องนี้ หากมีคำเหล่านี้ปรากฎแสดงว่าเราสามารถใส่ serial number ได้ถูกต้องและสามารถใช้โปรแกรมนั้นได้โดยที่ไม่มีวันหมดอายุ เช่น successfull, valid number เป็นต้น
4. การใช้ไฟล์ที่มีนามสกุล .reg หรือ .key
QUOTE
วิธีการนี้ค่อนข้างจะง่าย คือ การเรียกใช้ไฟล์ที่เค้ากำหนดค่า registry ของโปรแกรมนั้นเอาไว้แล้ว เพียงแค่เราเรียกใช้งานโดยการ double click จะเรียกใช้งานจากที่ไหนก็ได้ทั้งนั้น ไม่เหมือนกับการ crack/patch ที่ต้องนำไปวาง ณ ตำแหน่งที่มีการติดตั้ง ..
Wednesday, June 11, 2008
การแคร็ก Crack Trainer
Subscribe to:
Post Comments (Atom)
No comments:
Post a Comment